นักธรรม ชั้นตรี วิชา ธรรมวิภาค

นักธรรม ชั้นตรี

ปัญหาและเฉลย วิชา ธรรมวิภาค

สอบในสนามหลวง พ.ศ. ๒๕๖๖

๑. ธรรมอะไร สามารถคุ้มครองโลกให้อยู่ร่มเย็นเป็นสุขได้ ?
            ตอบ
: ธรรมคุ้มครองโลก ๒ อย่าง คือ
            ๑. หิริ ความละอายต่อบาปทุจิต
            ๒. โอตตัปปะ ความเกรงกลัวต่อผลของบาปทุจริต ฯ
 
 ๒. บุพพการีและกตัญญููกตเวทีได้แก่บุคคลเช่นไร ?
            ตอบ
: บุพพการี ได้แก่บุคคลผู้ทำอุปการะก่อน
            กตัญญูกตเวที ได้แก่บุคคลผู้รู้อุปการะที่ท่านทำแล้ว และทำตอบแทน ฯ
 
 ๓. รัตนะ ๓ มีอะไรบ้าง ? มีคุณอย่างไร ?
            ตอบ : มี พระพุทธเจ้า ๑ พระธรรม ๑ พระสงฆ์ ๑ ฯ
 มีคุณอย่างนี้้ คือ
 ๑. พระพุทธเจ้ารู้ดีรู้ชอบด้วยพระองค์เองก่อนแล้วสอนผู้อื่น ให้รู้ตาม
 ๒. พระธรรมย่อมรักษาผู้ปฏิบัติไม่ให้ตกไปในที่ชั่ว
 ๓. พระสงฆ์ปฏิบัติชอบตามคำสอนของพระพุทธเจ้าแล้วสอน ผู้อื่นให้ทำตาม ฯ
 
 ๔. มูลเหตุที่ทำให้คนทำความชั่ว มีอะไรบ้าง ?
            ตอบ
: มี ๓ คือ
            ๑. โลภะ อยากได้
            ๒. โทสะ คิดประทุษร้าย
            ๓. โมหะ หลง ไม่รู้จริง ฯ
 
 ๕. ธาตุ ๔ มีอะไรบ้าง ? ความร้อนจัดเป็นธาตุอะไร ?
            ตอบ
: มี ธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุไฟ ธาตุลม ฯ
            จัดเป็นธาตุไฟ ฯ
 
 ๖. อริยสัจ ๔ มีอะไรบ้าง ? ความไม่สบายกายไม่สบายใจ จัดเป็นอริยสัจ ข้อไหน ?
            ตอบ
: มี ๑. ทุกข์    ๒. สมุทัย
                      ๓. นิโรธ   ๔. มรรค ฯ
            จัดเป็นทุกข์ ฯ
 
 ๗. โลกธรรม ธรรมที่ครอบงำสัตวโลก ๘ อย่างนั้นมีอะไรบ้าง ?
            ตอบ
: คือ มีลาภ ๑    เสื่อมลาภ ๑
            มียศ ๑      เสื่อมยศ ๑
            นินทา ๑    สรรเสริญ ๑
            สุข ๑         ทุกข์ ๑ ฯ

คิหิปฏิบัติ

 ๘. มิตรแท้ที่ควรคบ ๔ ประเภท มีอะไรบ้าง ?
            ตอบ
: มี ๑. มิตรมีอุปการะ
            ๒. มิตรร่วมสุขร่วมทุกข์
            ๓. มิตรแนะประโยชน์
            ๔. มิตรมีความรักใคร่ ฯ
 
 ๙. อบายมุข ๔ มีอะไรบ้าง ?
            ตอบ
: มี ๑. ความเป็นนักเลงหญิง
            ๒. ความเป็นนักเลงสุรา
            ๓. ความเป็นนักเลงเล่นการพนัน
            ๔. ความคบคนชั่วเป็นมิตร ฯ
  
 ๑๐. สังคหวัตถุ ๔ มอะไรบ้าง ?
            ตอบ
: มี ๑. ทาน  ให้ปันสิ่งของของตนแก่ผู้อื่นที่ควรใหปัน
            ๒. ปิยวาจา  เจรจาวาจาที่อ่อนหวาน
            ๓. อัตถจริยา  ประพฤติสิ่งที่เป็นประโยชน์แก่ผู้อื่น
            ๔. สมานัตตตา  ความเป็นคนมีตนเสมอไม่ถือตัว ฯ


นักธรรม ชั้นตรี

ปัญหาและเฉลย วิชา ธรรมวิภาค

สอบในสนามหลวง พ.ศ. ๒๕๖๕

 
 ๑. สติ แปลว่าอะไร ? เพราะเหตุไรจึงชื่อว่าเป็นธรรมมีอุปการะมาก ?
            ตอบ
: สติ แปลว่า ความระลึกได้ ฯ
            เพราะป้องกันความเสียหาย และอุดหนุนให้สำเร็จกิจในทางที่ดี ฯ
 
 ๒. ธรรมที่ทำบุคคลให้งามคือธรรมอะไร ?
            ตอบ
: คือ ขันติ ความอดทน และโสรัจจะ ความสงบเสงี่ยม ฯ
 
 ๓. ที่ตั้งแห่งการบำเพ็ญบุญเรียกว่าอะไร ? โดยย่อมีอะไรบ้าง ?
            ตอบ
: เรียกว่า บุญกิริยาวัตถุ ฯ
            โดยย่อมี ๓ คือ
            ๑. ทานมัย       บุญสำเร็จด้วยการบริจาคทาน
            ๒. สีลมัย        บุญสำเร็จด้วยการรักษาศีล
            ๓. ภาวนามัย   บุญสำเร็จด้วยการเจริญภาวนา ฯ
 
 ๔. พระธรรม คืออะไร ? มีคุณต่อผู้ปฏิบัติอย่างไร ?
            ตอบ
: พระธรรม คือคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ฯ
            มีคุณ คือรักษาผู้ปฏิบัติไม่ให้ตกไปในที่ชั่ว ฯ
 
 ๕. ธรรมเครื่องให้สำเร็จความประสงค์ คืออะไร ? มีอะไรบ้าง ?
            ตอบ
: คืออิทธิบาท ๔ ฯ
            มี ๑. ฉันทะ พอใจรักใคร่ในสิ่งนั้น
            ๒. วิริยะ เพียรประกอบสิ่งนั้น
            ๓. จิตตะ เอาใจฝักใฝ่ในสิ่งนั้นไม่วางธุระ
            ๔. วิมังสา หมั่นตริตรองพิจารณาเหตุผลในสิ่งนั้น ฯ
 
 ๖. คุณธรรมเป็นเครื่องอยู่ของท่านผู้ใหญ่ มีอะไรบ้าง ?
            ตอบ
: มี ๑. เมตตา ความรักปรารถนาจะให้อยู่เป็นสุข
            ๒. กรุณา ความสงสาร คิดจะช่วยให้พ้นทุกข์
            ๓. มุทิตา ความพลอยยินดี เมื่อผู้อื่นได้ดี
            ๔. อุเบกขา ความวางเฉย ไม่ดีใจไม่เสียใจเมื่อผู้อื่นถึงความวิบัติ ฯ
 
 ๗. กรรมที่เป็นบาปหนักที่สุด เรียกว่าอะไร ? เลือกตอบมา ๓ ข้อ
            ตอบ
: เรียกว่า อนันตริยกรรม ฯ
 
           ๑. มาตุฆาต ฆ่ามารดา
            ๒. ปิตุฆาต ฆ่าบิดา
            ๓. อรหันตฆาต ฆ่าพระอรหันต์
            ๔. โลหิตุปบาท ทำร้ายพระพุทธเจ้าจนถึงยังพระโลหิตให้ห้อขึ้นไป
            ๕. สังฆเภท ยังสงฆ์ให้แตกกัน ฯ
            (เลือกตอบ ๓ ข้อ)
 

คิหิปฏิบัติ

 ๘. ศิษย์ที่ดีพึงปฏิบัติต่อครูอาจารย์อย่างไร ?
            ตอบ : พึงปฏิบัติต่อท่านอย่างนี้ คือ
            ๑. ด้วยลุกขึ้นยืนรับ    ๒. ด้วยเข้าไปยืนคอยรับใช้
            ๓. ด้วยเชื่อฟัง            ๔. ด้วยอุปัฏฐาก
            ๕. ด้วยเรียนศิลปวิทยาโดยเคารพ ฯ
 
 ๙. บุตรธิดาพึงปฏิบัติต่อมารดาบิดาอย่างไร ?

            ตอบ : พึงปฏิบัติต่อท่านอย่างนี้ คือ
            ๑. ท่านได้เลี้ยงมาแล้ว เลี้ยงท่านตอบ
            ๒. ทำกิจของท่าน
            ๓. ดำรงวงศ์สกุล
            ๔. ประพฤติตนให้เป็นคนควรรับทรัพย์มรดก
            ๕. เมื่อท่านล่วงลับไปแล้ว ทำบุญอุทิศให้ท่าน ฯ
 
 ๑๐. ศีลที่คฤหัสถ์ควรรักษาเป็นนิตย์ คือศีลอะไร ? ได้แก่อะไรบ้าง ?
            ตอบ : คือ ศีล ๕ ฯ ได้แก่
            ๑. เว้นจากทำชีวิตสัตว์ให้ตกล่วงไป
            ๒. เว้นจากถือเอาสิ่งของที่เจ้าของไม่ได้ให้ด้วยอาการแห่งขโมย
            ๓. เว้นจากประพฤติผิดในกาม
            ๔. เว้นจากพูดเท็จ
            ๕. เว้นจากดื่มน้ำเมาคือสุราและเมรัยอันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท ฯ


นักธรรม ชั้นตรี

ปัญหาและเฉลย วิชา ธรรมวิภาค

สอบในสนามหลวง พ.ศ. ๒๕๖๔

 ๑. ในโลกนี้ มีบุคคลประเกทใดบ้างที่พระพุทธศาสนาสอนว่า หาได้ยาก ?
            ตอบ : มี ๒ ประเภท คือ
            ๑. บุพพการี บุคคลผู้ทำอุปการะก่อน
            ๒. กตัญญูกตเวที บุคคลผู้รู้อุปการะที่ท่านทำแล้ว และทำตอบแทนท่าน ฯ
 
 ๒. ธรรมคุ้มครองโลกมีกี่อย่าง ? อะไรบ้าง ?
            ตอบ : มี ๒ อย่าง ฯ
            คือ ๑. หิริ ความละอายต่อบาป
            ๒. โอตตัปปะ ความเกรงกลัวต่อบาป ฯ
 
 ๓. รัตนะ ๓ อย่าง คืออะไรบ้าง ? รัตนะที่ ๒ มีคุณอย่างไร ?
            ตอบ : คือพุทธรัตนะ ธรรมรัตนะ สังฆรัตนะ ฯ
            ย่อมรักษาผู้ปฏิบัติไม่ให้ตกไปในที่ชั่ว ฯ
 
 ๔. ทุจริต คืออะไร ? พูดใส่ร้ายผู้อื่น จัดเข้าในทุจริตข้อไหน ?
            ตอบ : ทุจริต คือประพฤติชั่ว ประพฤติเสียหาย ฯ
            จัดเข้าในวจีทุจริต ฯ
 
 ๕. เมื่อเพื่อนร่วมงานได้เลื่อนตำแหน่ง ไม่คิดริษยา พลอยยินดีกับเขาด้วย ชื่อว่าปฏิบัติตามพรหมวิหารธรรมข้อใด ?
            ตอบ : มุทิตา ฯ
 
 ๖. อริยสัจ ๔ มีอะไรบ้าง ? ความไม่สบายกายไม่สบายใจ จัดเป็นอริยสัจข้อไหน ?
            ตอบ : มี ๑. ทุกข์ คือ ความไม่สบายกายไม่สบายใจ
            ๒. สมุทัย คือ เหตุให้ทุกข์เกิด
            ๓. นิโรธ คือ ความดับทุกข์
            ๔. มรรค คือ ข้อปฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์ ฯ
            จัดเป็นข้อที่ ๑ คือ ทุกข์ ฯ
 
 ๗. สัมมาวาจา เจรจาชอบ คือเจรจาอย่างไร ?
            ตอบ : คือเว้นจากพู ดเท็จ เว้นจากพูดส่อเสียด เว้นจากพูดคำหยาบ และเว้นจากพูดเพ้อเจ้อ ฯ
 

คิหิปฏิบัติ

 
 ๘. การคบคนชั่วเป็นมิตร เป็นเหตุให้เกิดความเสียหายอย่างไร ?
            ตอบ : เป็นเหตุให้เกิดความเสียหายอย่างนี้ คือ มักจะถูกคนชั่ว ชักจูงไปในทางที่ชั่ว เช่น คนไม่เคยเป็นนักเลงหญิง ไม่ติดสุรา ไม่เล่นการพนัน ไม่เป็นอันธพาล ก็ย่อมถูกชักจูงไปจนกลายเป็นนักเลงหญิงได้ เป็นต้น ฯ
 
 ๙. อบายมุข คืออะไร ? ดื่มน้ำเมามีโทษอย่างไรบ้าง ?
            ตอบ : คือ เหตุเครื่องฉิบหาย ฯ
            มีโทษ ๖ อย่าง คือ
            ๑. เสียทรัพย์     ๒. ก่อการทะเลาะวิวาท
            ๓. เกิดโรค        ๔. ถูกติเตียน
            ๕. ไม่รู้จักอาย   ๖. ทอนกำลังปัญญา ฯ
 
 ๑๐. ความสุขของผู้ครองเรือนตามหลักพระพุทธศาสนาเกิดมา จากเหตุอะไรบ้าง ?
            ตอบ : เกิดจากเหตุ ๔ อย่าง คือ
            ๑. สุขเกิดแต่ความมีทรัพย์
            ๒. สุขเกิดแต่การจ่ายทรัพย์บริโภค
            ๓. สุขเกิดแต่ความไม่ต้องเป็นหนี้
            ๔. สุขเกิดแต่ประกอบการงานที่ปราศจากโทษ ฯ


นักธรรม ชั้นตรี

ปัญหาและเฉลย วิชา ธรรมวิภาค

สอบในสนามหลวง พ.ศ. ๒๕๖๓

 ๑. สติแปลว่าอะไร ? เพราะเหตุไรจึงชื่อว่าเป็นธรรมมีอุปการมาก ?
            ตอบ : สติ แปลว่า ความระลึกได้ ฯ
            เพราะอุดหนุนให้สำเร็จกิจในทางที่ดี ฯ
 
 ๒. พบงูพิษแล้วสะดุ้งกลัวว่าจะถูกกัด จัดเป็นโอตตัปปะได้ หรือไม่ ? เพราะเหตุใด ?
            ตอบ : ไม่ได้ ฯ
            เพราะโอตตัปปะ หมายความว่าความเกรงกลัวต่อบาป ฯ
 
 ๓. พระธรรมคืออะไร ? มีคุณต่อผู้ปฏิบัติอย่างไร ?
            ตอบ : พระธรรมคือคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ฯ
            มีคุณ คือ ย่อมรักษาผู้ปฏิบัติไม่ให้ตกไปในที่ชั่ว ฯ
 
 ๔. มูลเหตุที่ทำให้บุคคลทำความชั่วเรียกว่าอะไร ? มีอะไรบ้าง ?
            ตอบ : เรียกว่า อกุศลมูล หมายถึงรากเหง้าของอกุศลฯ มี ๓ คือ
            ๑. โลภะ อยากได้
            ๒. โทสะ คิดประทุษร้ายเขา
            ๓. โมหะ หลงไม่รู้จริง ฯ
 
 ๕. ธาตุ ๔ คืออะไรบ้าง ? ฟันจัดเป็นธาตุอะไร ?
            ตอบ : คือ ธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุไฟ ธาตุลม ฯ
            เป็นธาตุดิน ฯ
 
 ๖. ขันธ์ ๕ ได้แก่อะไรบ้าง ? สังขารขันธ์ จัดเป็นรูปหรือนาม ?
            ตอบ : ได้แก่ รูปขันธ์ เวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ สังขารขันธ์ และวิญญาณขันธ์ ฯ
            จัดเป็นนาม ฯ
 
 ๗. โลกธรรม ๘ คืออะไรบ้าง ?
            ตอบ : คือ มีลาภ ๑ ไม่มีลาภ ๑
            มียศ ๑       ไม่มียศ ๑
            นินทา ๑    สรรเสริญ ๑
            สุข ๑         ทุกข์ ๑ ฯ
 

คิหิปฏิบัติ

 
 ๘. บุตรธิดาพึงปฏิบัติต่อมารดาบิดาอย่างไร ?
            ตอบ : พึงปฏิบัติอย่างนี้
            ๑. ท่านได้เลี้ยงมาแล้ว เลี้ยงท่านตอบ
            ๒. ทำกิจของท่าน
            ๓. ดำรงวงศ์กุล
            ๔. ประพฤติตนให้เป็นคนควรรับทรัพย์มรดก
            ๕. เมื่อท่านล่วงลับไปแล้ว ทำบุญอุทิศให้ท่าน ฯ
 
 ๙. มิตรแท้ที่ควรคบ มีกี่ประเภท ? อะไรบ้าง ?
            ตอบ : มี ๔ ประเภท ฯ
            คือ ๑. มิตรมีอุปการะ
            ๒. มิตรร่วมสุขร่วมทุกข์
            ๓. มิตรแนะประโยชน์
            ๔. มิตรมีความรักใคร่ ฯ
 
 ๑๐. ศีลที่คฤหัสถ์ควรรักษาเป็นนิตย์ คือศีลอะไร ? ได้แก่ อะไรบ้าง ?
            ตอบ : คือ ศีล ๕ ฯ ได้แก่
            ๑. เว้นจากทำชีวิตสัตว์ให้ตกล่วงไป
            ๒. เว้นจากถือเอาสิ่งของที่เจ้าของไม่ได้ให้ด้วยอาการ แห่งขโมย
            ๓. เว้นจากประพฤติผิดในกาม
            ๔. เว้นจากพูดเท็จ
            ๕. เว้นจากดื่มน้ำเมาคือสุราและเมรัยอันเป็นที่ตั้งแห่ง ความประมาท ฯ


นักธรรม ชั้นตรี

ปัญหาและเฉลย วิชา ธรรมวิภาค

สอบในสนามหลวง พ.ศ. ๒๕๖๒

 ๑. โลกเดือดร้อนวุ่นวายในปัจจุบันนี้ เพราะขาดธรรมอะไร ?
            ตอบ : เพราะขาดธรรมคุ้มครองโลก ๒ อย่าง คือ
            ๑. หิริ ความละอายบาป ๒. โอตตัปปะ ความกลัวบาป ฯ
 
 ๒. คนที่ทำอะไรมักพลั้งพลาด เพราะขาดธรรมอะไร ?
            ตอบ : เพราะขาดสติ ความระลึกได้ก่อนแต่จะทำ และขาดสัมปชัญญะความรู้ตัวในขณะทำ ฯ
 
 ๓. บุพพการีและกตัญญูกตเวทีได้แก่บุคคลเช่นไร ?
            ตอบ : บุพพการี ได้แก่ บุคคลผู้ทำอุปการะก่อน
            กตัญญูกตเวที ได้แก่ บุคคลผู้รู้อุปการะที่ผู้อื่นทำแก่ตน แล้วทำตอบแทน ฯ
 
 ๔. สิ่งเป็นที่ตั้งแห่งการบำเพ็ญบุญเรียกว่าอะไร ? โดยย่อ มีอะไรบ้าง ?
            ตอบ : เรียกว่า บุญกิริยาวัตถุ ฯ โดยย่อมี ๓ คือ
            ๑. ทานมัย บุญสำเร็จด้วยการบริจาคทาน
            ๒. สีลมัย บุญสำเร็จด้วยการรักษาศีล
            ๓. ภาวนามัย บุญสำเร็จด้วยการเจริญภาวนา ฯ
 
 ๕. รัตนะ ๓ มีอะไรบ้าง ? รัตนะ ๓ นั้น มีคุณอย่างไร ?
            ตอบ : มี พระพุทธ ๑ พระธรรม ๑ พระสงฆ์ ๑ ฯ
 มีคุณอย่างนี้ คือ
            ๑. พระพุทธเจ้ารู้ดีรู้ชอบด้วยพระองค์เองก่อน แล้วสอนผู้อื่นให้รู้ตาม
            ๒. พระธรรมย่อมรักษาผู้ปฏิบัติไม่ให้ตกไปในที่ชั่ว
            ๓. พระสงฆ์ปฏิบัติชอบตามคำสอนของพระพุทธเจ้าแล้ว สอนผู้อื่นให้กระทำตาม ฯ
 
 ๖. ผู้ที่ทำงานไม่สำเร็จผลตามที่มุ่งหมายเพราะขาดคุณธรรม อะไรบ้าง ?
            ตอบ : เพราะขาดอิทธิบาท คือ คุณเครื่องให้สำเร็จความประสงค์ ๔ อย่าง คือ
            ๑. ฉันทะ พอใจรักใคร่ในสิ่งนั้น
            ๒. วิริยะ เพียรประกอบสิ่งนั้น
            ๓. จิตตะ เอาใจฝักใฝ่ในสิ่งนั้นไม่วางธุระ
            ๔. วิมังสา หมั่นตริตรองพิจารณาเหตุผลในสิ่งนั้น ฯ
 
 ๗. กรรมที่เป็นบาปหนักที่สุด มีชื่อเรียกว่าอะไร ? คืออะไรบ้าง ?
            ตอบ : มีชื่อเรียกว่า อนันตริยกรรม ฯ
            คือ ๑. มาตุฆาต ฆ่ามารดา
            ๒. ปิตุฆาต ฆ่าบิดา
            ๓. อรหันตฆาต ฆ่าพระอรหันต์
            ๔. โลหิตุปบาท ทำร้ายพระพุทธเจ้าจนถึงยังพระโลหิต ให้ห้อขึ้นไป
            ๕. สังฆเภท ยังสงฆ์ให้แตกจากกัน ฯ
 

คิหิปฏิบัติ

 
 ๘. ผู้หวังประโยชน์ปัจจุบันจะต้องปฏิบัติอย่างไรจึงจะได้สมหวัง ?
            ตอบ : ต้องปฏิบัติตามหลักทิฏฐธัมมิกัตถประโยชน์ ๔ ประการ คือ
            ๑. อุฏฐานสัมปทา ถึงพร้อมด้วยความหมั่นในการประกอบกิจการงาน ในการศึกษาเล่าเรียน ในการทำธุระหน้าที่ ของตน
            ๒. อารักขสัมปทา ถึงพร้อมด้วยการรักษาทั้งทรัพย์และการงานไม่ให้เสื่อมไป
            ๓. กัลยาณมิตตตา ความมีเพื่อนเป็นคนดี ไม่คบคนชั่ว
            ๔. สมชีวิตา ความเลี้ยงชีวิตตามสมควรแก่กำลังทรัพย์ ที่หาได้ ฯ
 
 ๙. อบายมุข คืออะไร ? ดื่มน้ำเมามีโทษอย่างไรบ้าง ?
            ตอบ : คือ เหตุเครื่องฉิบหาย ฯ มีโทษ ๖ อย่าง คือ
            ๑. เสียทรัพย์      ๒. ก่อการทะเลาะวิวาท
            ๓. เกิดโรค        ๔. ถูกติเตียน
            ๕. ไม่รู้จักอาย   ๖. ทอนกำลังปัญญา ฯ
 
 ๑๐. ความสุขของผู้ครองเรือนตามหลักพระพุทธศาสนาเกิดมา จากเหตุอะไรบ้าง ?
            ตอบ : เกิดจากเหตุ ๔ อย่าง คือ
            ๑. สุขเกิดแต่ความมีทรัพย์
            ๒. สุขเกิดแต่การจ่ายทรัพย์บริโภค
            ๓. สุขเกิดแต่ความไม่ต้องเป็นหนี้
            ๔. สุขเกิดแต่ประกอบการงานที่ปราศจากโทษ ฯ


นักธรรม ชั้นตรี

ปัญหาและเฉลย วิชา ธรรมวิภาค

สอบในสนามหลวง พ.ศ. ๒๕๖๑

๑. ธรรมคุ้มครองโลก มีกี่อย่าง ? อะไรบ้าง ?
            ตอบ : มี ๒ อย่าง ฯ คือ
            ๑. หิริ ความละอายบาป
            ๒. โอตตัปปะ ความกลัวบาป ฯ
 
 ๒. พระพุทธเจ้าทรงเป็นบุพพการีของพุทธบริษัทอย่างไร ? จงอธิบาย
            ตอบ : พระพุทธเจ้าทรงกระทำอุปการะแก่พุทธบริษัทก่อน ด้วยการทรงแนะนำสั่งสอน ให้รู้ดีรู้ชอบตามพระองค์ เพื่อให้ได้บรรลุประโยชน์ ทั้ง ๓ คือ ประโยชน์ในโลกนี้ ประโยชน์ในโลกหน้า และประโยชน์อย่างยิ่งคือพระนิพพาน จึงชื่อว่าเป็นบุพพการี ฯ
 
 ๓. ทุจริต คืออะไร ? พูดใส่ร้ายผู้อื่น จัดเข้าในทุจริตข้อไหน ?
            ตอบ : ทุจริต คือ ความประพฤติชั่ว ฯ จัดเข้าในวจีทุจริต ฯ
  
 ๔. อริยสัจ ๔ มีอะไรบ้าง ? ความไม่สบายกายไม่สบายใจ จัดเป็นอริยสัจ ข้อไหน ?
            ตอบ : มี ๑. ทุกข์
            ๒. สมุทัย คือ สาเหตุแห่งทุกข์
            ๓. นิโรธ คือ ความดับทุกข์
            ๔. มรรค คือ ข้อปฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์ ฯ
            จัดเป็นทุกข์ ฯ
 
 ๕. สิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงสอนให้พิจารณาเนือง ๆ มีอะไรบ้าง ? ทรงให้พิจารณาอย่างไร ?
            ตอบ : มี ความแก่ ความเจ็บไข้ ความตาย ความพลัดพราก และกรรม ฯ ทรงสอนให้พิจารณาว่า
            ๑. เรามีความแก่เป็นธรรมดา ไม่ล่วงพ้นความแก่ไปได้
            ๒. เรามีความเจ็บไข้เป็นธรรมดา ไม่ล่วงพ้นความเจ็บไข้ ไปได้
            ๓. เรามีความตายเป็นธรรมดา ไม่ล่วงพ้นความตายไปได้
            ๔. เราจะต้องพลัดพรากจากของรักของชอบใจทั้งสิ้น
            ๕. เรามีกรรมเป็นของตัวเรา ทำดีจักได้ดี ทำชั่วจักได้ชั่ว ฯ
 
 ๖. อายตนะภายนอก ๖ ได้แก่อะไรบ้าง ?
            ตอบ : ได้แก่ รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ อารมณ์ที่มาถูกต้องกาย ธรรม คือ อารมณ์ที่เกิดกับใจ ฯ
 
 ๗. สัมมากัมมันตะ ทำการงานชอบ คือทำอย่างไร ?
            ตอบ : คือ ทำโดยเว้นจากกายทุจริต ๓ ได้แก่
            เว้นจากการฆ่าสัตว์
            เว้นจากการลักทรัพย์
            เว้นจากการประพฤติผิดในกาม ฯ
 

คิหิปฏิบัติ

 
 ๘. คุณธรรมเครื่องยึดเหนี่ยวนำใจของผู้อื่นไว้ได้ คืออะไร ? มีอะไรบ้าง ?
            ตอบ : คือ สังคหวัตถุ ๔ ฯ
            มี ๑. ทาน ให้ปันสิ่งของของตนแก่ผู้อื่นที่ควรให้ปัน
            ๒. ปิยวาจา เจรจาวาจาที่อ่อนหวาน
            ๓. อัตถจริยา ประพฤติสิ่งที่เป็นประโยชน์แก่ผู้อื่น
            ๔. สมานัตตตา ความเป็นคนมีตนเสมอไม่ถือตัว ฯ
 
 ๙. ฆราวาสผู้ครองเรือนควรตั้งอยู่ในธรรมข้อใดบ้าง ?
            ตอบ : ควรตั้งอยู่ในฆราวาสธรรม ๔ คือ
            ๑. สัจจะ สัตย์ซื่อต่อกัน
            ๒. ทมะ รู้จักข่มจิตของตน
            ๓. ขันติ อดทน
            ๔. จาคะ สละให้ปันสิ่งของของตนแก่คนที่ควรให้ปัน ฯ
 
 ๑๐. ศีลที่คฤหัสถ์ควรรักษาเป็นนิตย์ คืออะไร ? ได้แก่อะไรบ้าง ?
            ตอบ : คือ ศีล ๕ ฯ ได้แก่
            ๑. เว้นจากทำชีวิตสัตว์ให้ตกล่วงไป
            ๒. เว้นจากถือเอาสิ่งของที่เจ้าของไม่ได้ให้ด้วยอาการ แห่งขโมย
            ๓. เว้นจากประพฤติผิดในกาม
            ๔. เว้นจากพูดเท็จ
            ๕. เว้นจากดื่มน้ำเมาคือสุราและเมรัยอันเป็นที่ตั้งแห่ง ความประมาท ฯ


นักธรรม ชั้นตรี

ปัญหาและเฉลย วิชา ธรรมวิภาค

สอบในสนามหลวง พ.ศ. ๒๕๖๐

 ๑. สังคมทุกวันนี้เกิดความวุ่นวาย เพราะขาดธรรมอะไรบ้าง ?
            ตอบ : เพราะขาดธรรมเป็นโลกบาล ๒ อย่าง คือ
            ๑) หิริ ความละอายแก่ใจในการประพฤติชั่ว
            ๒) โอตตัปปะ ความเกรงกลัวต่อผลของการประพฤติชั่ว ฯ
 
 ๒. สติ แปลว่าอะไร ? เพราะเหตุไรจึงชื่อว่าเป็นธรรมมี อุปการะมาก ?
            ตอบ : สติ แปลว่า ความระลึกได้ ฯ
            เพราะช่วยให้สำเร็จกิจในทางที่ดี ฯ
 
 ๓. พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ได้ชื่อว่ารัตนะ เพราะเหตุไร ?
            ตอบ : เพราะเป็นของมีคุณค่าและหาได้ยาก เหมือนเพชรนิล จินดามีค่ามาก นำประโยชน์ และความสุขมาให้แก่ผู้เป็นเจ้าของ ฯ
  
 ๔. ไตรลักษณ์ ได้แก่อะไรบ้าง ?
            ตอบ : ๑) อนิจจตา ความเป็นของไม่เที่ยง
            ๒) ทุกขตา ความเป็นทุกข์
            ๓) อนัตตตา ความเป็นของไม่ใช่ตน ฯ
 
 ๕. ผู้ที่ทำงานไม่สำเร็จผลตามที่มุ่งหมายเพราะขาดคุณธรรม อะไรบ้าง ?
            ตอบ : เพราะขาดอิทธิบาท คือคุณเครื่องให้สำเร็จความประสงค์ ๔ อย่าง คือ
            ๑) ฉันทะ พอใจรักใคร่ในสิ่งนั้น
            ๒) วิริยะ เพียรประกอบสิ่งนั้น
            ๓) จิตตะ เอาใจฝักใฝ่ในสิ่งนั้นไม่วางธุระ
            ๔) วิมังสา หมั่นตริตรองพิจารณาเหตุผลในสิ่งนั้น ฯ
 
 ๖. ธรรมอันเป็นเครื่องกั้นจิตไม่ให้บรรลุความดี คืออะไร ? มีอะไรบ้าง ?
            ตอบ : คือ นิวรณ์ ๕ ฯ มี
            ๑) กามฉันท์ พอใจรักใคร่ในอารมณ์ที่ชอบใจมีรูปเป็นต้น
            ๒) พยาบาท ปองร้ายผู้อื่น
            ๓) ถีนมิทธะ ความที่จิตหดหู่และเคลิบเคลิ้ม
            ๔) อุทธัจจกุกกุจจะ ฟุ้งซ่านและรำคาญ
            ๕) วิจิกิจฉา ลังเลไม่ตกลงใจ ฯ
 
 ๗. คำว่า เจรจาชอบ ในมรรคมีองค์ ๘ นั้น คือเจรจาอย่างไร ?
            ตอบ : คือเว้นจากพูดเท็จ เว้นจากพูดส่อเสียด เว้นจากพูดคำหยาบ และเว้นจากพูดเพ้อเจ้อ ฯ
 

คิหิปฏิบัติ

 
 ๘. มิตรแท้ที่ควรคบ มีกี่ประเภท ? อะไรบ้าง ?
            ตอบ : มี ๔ ประเภท ฯ คือ
            ๑) มิตรมีอุปการะ
            ๒) มิตรร่วมสุขร่วมทุกข์
            ๓) มิตรแนะประโยชน์
            ๔) มิตรมีความรักใคร่ ฯ
 
 ๙. อบายมุข ๔ มีอะไรบ้าง ?
            ตอบ : มี ๑) ความเป็นนักเลงหญิง
            ๒) ความเป็นนักเลงสุรา
            ๓) ความเป็นนักเลงเล่นการพนัน
            ๔) ความคบคนชั่วเป็นมิตร ฯ
 
 ๑๐. ดื่มน้ำเมามีโทษอย่างไรบ้าง ?
            ตอบ : มีโทษ ๖ อย่าง คือ
            ๑) เสียทรัพย์      ๒) ก่อการทะเลาะวิวาท
            ๓) เกิดโรค         ๔) ถูกติเตียน
            ๕) ไม่รู้จักอาย    ๖) ทอนกำลังปัญญา ฯ


นักธรรม ชั้นตรี

ปัญหาและเฉลย วิชา ธรรมวิภาค

สอบในสนามหลวง พ.ศ. ๒๕๕๙

๑. ในทางโลก ดูคนงามที่รูปร่างหน้าตา ส่วนในทางพระพุทธศาสนา ดูคนงามที่ไหน ?
            ตอบ : ในทางพระพุทธศาสนา ดูคนงามกันที่มีคุณธรรมอันทำให้ งาม ๒ ประการ คือ
            ๑) ขันติ ความอดทน
            ๒) โสรัจจะ ความสงบเสงี่ยม ฯ
 
 ๒. ในโลกนี้ มีบุคคลประเภทใดบ้างที่หาได้ยาก ?
            ตอบ : มีบุคคลที่หาได้ยาก ๒ ประเภท คือ
            ๑) บุพพการี บุคคลผู้ทำอุปการะก่อน
            ๒) กตัญญูกตเวที บุคคลผู้รู้อุปการะที่ท่านทำแล้ว และทำตอบแทน ฯ
 
 ๓. พระรัตนตรัย กับไตรสรณคมน์ เป็นอย่างเดียวกัน หรือต่างกันอย่างไร ? การเปล่งวาจาถึงรัตนะ ๓ เป็นที่พึ่ง จัดเป็นอย่างไหน ใน ๒ อย่างนั้น ?
            ตอบ : ต่างกัน คือ พระรัตนตรัย หมายถึงสิ่งที่เป็นที่พึ่ง ๓ ประการ ได้แก่ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ส่วนไตรสรณคมน์ หมายถึง การยอมรับนับถือพระรัตนตรัยไว้เป็นที่พึ่ง ฯ
 จัดเป็นไตรสรณคมน์ ฯ
 
 ๔. ภิกษุสามเณรผู้บวชใหม่ควรเว้นอันตราย ๔ อย่าง คืออะไรบ้าง ?
            ตอบ : ควรเว้นอันตราย ๔ อย่าง คือ
            ๑) อดทนต่อคำสอนไม่ได้ คือเบื่อหน่ายต่อคำสอน ขี้เกียจทำตาม
            ๒) เป็นคนเห็นแก่ปากแก่ท้อง ทนความอดอยากไม่ได้
            ๓) เพลิดเพลินในกามคุณ ทะยานอยากได้สุขยิ่ง ๆ ขึ้นไป
            ๔) รักผู้หญิง ฯ
 
 ๕. กายกับใจของเรานี้แบ่งออกเป็นกี่กอง ? อะไรบ้าง ?
            ตอบ : แบ่งออกเป็น ๕ กอง เรียกว่าขันธ์ คือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ฯ
 
 ๖. อินทรีย์ ๖ กับอารมณ์ ๖ มีความสัมพันธ์กันอย่างไร ?
            ตอบ : มีความสัมพันธ์กันอย่างนี้ คือ
            ๑) อาศัยรูปกระทบนัยน์ตาเกิดความรู้ขึ้น เรียกจักขุวิญญาณ
            ๒) อาศัยเสียงกระทบหูเกิดความรู้ขึ้น เรียกโสตวิญญาณ
            ๓) อาศัยกลิ่นกระทบจมูกเกิดความรู้ขึ้น เรียกฆานวิญญาณ
            ๔) อาศัยรสกระทบลิ้นเกิดความรู้ขึ้น เรียกชิวหาวิญญาณ
            ๕) อาศัยโผฏฐัพพะกระทบกายเกิดความรู้ขึ้น เรียกกายวิญญาณ
            ๖) อาศัยธรรมเกิดกับใจเกิดความรู้ขึ้น เรียกมโนวิญญาณ ฯ
 
 ๗. เมื่อโลกธรรม ๘ เกิดขึ้นแก่ตน ควรพิจารณาอย่างไร
            ตอบ : ควรพิจารณาว่า สิ่งนี้เกิดขึ้น ก็แต่ว่า มันไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา ควรรู้ตามเป็นจริงอย่าให้มันครอบงำจิตได้ คืออย่ายินดีในส่วนที่ปรารถนา อย่ายินร้ายในส่วนที่ไม่น่าปรารถนา ฯ
 

คิหิปฏิบัติ

 
 ๘. ฆราวาสผู้ครองเรือนควรตั้งอยู่ในธรรมข้อใดบ้าง ?
            ตอบ : ควรตั้งอยู่ในฆราวาสธรรม ๔ ประการ คือ
            ๑) สัจจะ สัตย์ซื่อต่อกัน
            ๒) ทมะ รู้จักข่มจิตของตน
            ๓) ขันติ อดทน
            ๔) จาคะ สละให้ปันสิ่งของของตนแก่คนที่ควรให้ปัน ฯ
 
 ๙. การคบคนชั่วเป็นมิตร เป็นเหตุให้เกิดความเสียหายอย่างไร ?
            ตอบ : เป็นเหตุให้เกิดความเสียหาย ดังนี้
            ๑) ทำให้เป็นนักเลงการพนัน
            ๒) ทำให้เป็นนักเลงเจ้าชู้
            ๓) ทำให้เป็นนักเลงเหล้า
            ๔) ทำให้เป็นคนลวงเขาด้วยของปลอม
            ๕) ทำให้เป็นคนโกงเขาซึ่งหน้า
            ๖) ทำให้เป็นนักเลงหัวไม้ ฯ
 
 ๑๐. ศิษย์ที่ดีพึงปฏิบัติต่อครูอาจารย์ อย่างไรบ้าง ?
            ตอบ : พึงปฏิบัติอย่างนี้
            ๑) ด้วยลุกขึ้นยืนรับ
            ๒) ด้วยเข้าไปยืนคอยรับใช้
            ๓) ด้วยเชื่อฟัง
            ๔) ด้วยอุปัฏฐาก
            ๕) ด้วยเรียนศิลปวิทยาโดยเคารพ ฯ


นักธรรม ชั้นตรี

ปัญหาและเฉลย วิชา ธรรมวิภาค

สอบในสนามหลวง พ.ศ. ๒๕๕๘

๑. บุพพการีและกตัญญูกตเวที หมายถึงบุคคลเช่นไร ?
            ตอบ : บุพพการี หมายถึง บุคคลผู้ทำอุปการะก่อน กตัญญูกตเวที หมายถึง บุคคลผู้รู้อุปการะที่ท่านทำแล้วและตอบแทน ฯ
 
 ๒. พระธรรมคืออะไร ? มีคุณต่อผู้ปฏิบัติอย่างไร ?
            ตอบ : พระธรรม คือคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ฯ
            มีคุณ คือ ย่อมรักษาผู้ปฏิบัติไม่ให้ตกไปในที่ชั่ว ฯ
 
 ๓. บุญกิริยาวัตถุคืออะไร ? โดยย่อมีเท่าไร ? อะไรบ้าง ?
            ตอบ : คือ สิ่งเป็นที่ตั้งแห่งการบำเพ็ญบุญ ฯ
            มี ๓ ฯ คือ
            ๑. ทานมัย บุญสำเร็จด้วยการบริจาคทาน
            ๒. สีลมัย บุญสำเร็จด้วยการรักษาศีล
            ๓. ภาวนามัย บุญสำเร็จด้วยการเจริญภาวนา ฯ
  
 ๔. ธรรมดุจล้อรถนำไปสู่ความเจริญ เรียกว่าอะไร ? จงบอกมา สัก ๒ ข้อ
            ตอบ : เรียกว่า จักร ฯ ได้แก่
            ๑. ปฏิรูปเทสวาสะ อยู่ในประเทศอันสมควร
            ๒. สัปปุริสูปัสสยะ คบสัตบุรุษ
            ๓. อัตตสัมมาปณิธิ ตั้งตนไว้ชอบ
            ๔. ปุพเพกตปุญญตา ความเป็นผู้ได้ทำความดีไว้ในปางก่อน
                        (เลือกตอบเพียง ๒ ข้อ)
 
 ๕. บุคคลผู้รักษาความยุติธรรมไว้ได้ ควรเว้นจากธรรมอะไร ? ธรรมนั้นมีอะไรบ้าง ?
            ตอบ : ควรเว้นอคติ ๔ ฯ มี
            ๑. ความลำเอียงเพราะรักใคร่กัน เรียกว่า ฉันทาคติ
            ๒. ความลำเอียงเพราะไม่ชอบกัน เรียกว่า โทสาคติ
            ๓. ความลำเอียงเพราะเขลา เรียกว่า โมหาคติ
            ๔. ความลำเอียงเพราะกลัว เรียกว่า ภยาคติ ฯ
 
 ๖. กรรมอันเป็นบาปหนักที่สุด ห้ามสวรรค์ ห้ามนิพพาน คือ กรรมอะไร ? จงยกตัวอย่างสัก ๓ ข้อ
            ตอบ : คือ อนันตริยกรรม ฯ มี
            ๑. มาตุฆาต ฆ่ามารดา
            ๒. ปิตุฆาต ฆ่าบิดา
            ๓. อรหันตฆาต ฆ่าพระอรหันต์
            ๔. โลหิตุปบาท ทำร้ายพระพุทธเจ้าจนถึงยังพระโลหิต ให้ห้อขึ้นไป
            ๕. สังฆเภท ยังสงฆ์ให้แตกจากกัน ฯ (เลือกตอบเพียง ๓ ข้อ)
 
 ๗. อานิสงส์แห่งการฟังธรรม มีอะไรบ้าง ?
            ตอบ : มี
            ๑. ผู้ฟังธรรมย่อมได้ฟังสิ่งที่ยังไม่เคยฟัง
            ๒. สิ่งใดได้เคยฟังแล้ว แต่ไม่เข้าใจชัด ย่อมเข้าใจสิ่งนั้นชัด
            ๓. บรรเทาความสงสัยเสียได้
            ๔. ทำความเห็นให้ถูกต้องได้
            ๕. จิตของผู้ฟังย่อมผ่องใส ฯ
 

คิหิปฏิบัติ

 
 ๘. ธรรม ๔ ประการ ที่เป็นไปเพื่อประโยชน์เกื้อกูล เพื่อสุขในปัจจุบัน เรียกว่าอะไร ? มีอะไรบ้าง ?
            ตอบ : เรียกว่า ทิฏฐธัมมิกัตถประโยชน์ ฯ มี
 ๑. อุฏฐานสัมปทา ถึงพร้อมด้วยความหมั่นในการประกอบกิจอันควร
 ๒. อารักขสัมปทา ถึงพร้อมด้วยการรักษา ทั้งทรัพย์และการงานของตนไม่ให้เสื่อมไป
 ๓. กัลยาณมิตตตา ความมีเพื่อนเป็นคนดี ไม่คบคบชั่ว
 ๔. สมชีวิตา ความเลี้ยงชีพตามสมควรกำลังทรัพย์ที่หาได้ ฯ
 
 ๙. มิตรมีหลายจำพวก อยากทราบว่ามิตรแท้ ๔ จำพวก มีอะไรบ้าง ?
            ตอบ : มี ๑. มิตรมีอุปการะ   ๒. มิตรร่วมสุขร่วมทุกข์
            ๓. มิตรแนะประโยชน์   ๔. มิตรมีความรักใคร่ ฯ
  
 ๑๐. บุตรธิดาพึงปฏิบัติต่อมารดาบิดาอย่างไร ?
            ตอบ : พึงปฏิบัติอย่างนี้
            ๑. ท่านได้เลี้ยงมาแล้ว เลี้ยงท่านตอบ
            ๒. ทำกิจของท่าน
            ๓. ดำรงวงศ์สกุล
            ๔. ประพฤติตนให้เป็นคนควรรับทรัพย์มรดก
            ๕. เมื่อท่านล่วงลับไปแล้ว ทำบุญอุทิศให้ท่าน ฯ


นักธรรม ชั้นตรี

ปัญหาและเฉลย วิชา ธรรมวิภาค

สอบในสนามหลวง พ.ศ. ๒๕๕๗

๑. ธรรมที่ชื่อว่ามีอุปการะมาก คือธรรมอะไร ? เพราะเหตุไร จึงจัดว่ามีอุปการะมาก ?
            ตอบ : คือ สติ ความระลึกได้ และสัมปชัญญะ ความรู้ตัว ฯ เพราะเป็นคุณธรรมอุดหนุนให้สำเร็จประโยชน์เกื้อกูลในกิจทั้งปวง ฯ
 
 ๒. รัตนะ ๓ อย่าง คืออะไรบ้าง ? รัตนะที่ ๒ มีคุณอย่างไร ?
            ตอบ : คือ พุทธรัตนะ ธรรมรัตนะ สังฆรัตนะ ฯ ย่อมรักษาผู้ปฏิบัติ ไม่ให้ตกไปในที่ชั่ว ฯ
 
 ๓. คุณธรรมเครื่องให้สำเร็จความประสงค์ คืออะไร ? มีอะไรบ้าง ?
            ตอบ : อิทธิบาท ๔ ฯ มี
            ๑. ฉันทะ พอใจรักใคร่ในสิ่งนั้น
            ๒. วิริยะ เพียรประกอบสิ่งนั้น
            ๓. จิตตะ เอาใจฝักใฝ่ในสิ่งนั้นไม่วางธุระ
            ๔. วิมังสา หมั่นตริตรองพิจารณาเหตุผลในสิ่งนั้น ฯ
 
 ๔. เมื่อเพื่อนร่วมงานได้เลื่อนตำแหน่ง ไม่คิดริษยา พลอยยินดีกับเขาด้วย ชื่อว่าปฏิบัติตามพรหมวิหารข้อใด ?
            ตอบ : มุทิตา ฯ
 
 ๕. เหตุให้เกิดทุกข์ในอริยสัจ ๔ คืออะไร ?
            ตอบ : คือตัณหา ความทะยานอยาก ฯ
 
 ๖. การจะเป็นนักเทศน์ที่ดี จะต้องมีคุณสมบัติอะไรบ้าง ? จงตอบมาสัก ๓ ข้อ
            ตอบ : ๑. แสดงธรรมโดยลำดับ ไม่ตัดลัดให้ขาดความ
            ๒. อ้างเหตุผลแนะนำให้ผู้ฟังเข้าใจ
            ๓. ตั้งจิตเมตตาปรารถนาให้เป็นประโยชน์แก่ผู้ฟัง
            ๔. ไม่แสดงธรรมเพราะเห็นแก่ลาภ
            ๕. ไม่แสดงธรรมกระทบตนและผู้อื่น คือไม่ยกตนเสียดสี ผู้อื่น ฯ
                                 (เลือกตอบเพียง ๓ ข้อ)
 
 ๗. จงให้ความหมายของคำต่อไปนี้
 ๑. ธัมมัญญุตา   ๒. มัตตัญญุตา   ๓. กาลัญญุตา
            ตอบ : ๑. ธัมมัญญุตา ความเป็นผู้รู้จักเหตุ เช่นรู้จักว่า สิ่งนี้ เป็นเหตุแห่งสุข สิ่งนี้เป็นเหตุแห่งทุกข์
            ๒. มัตตัญญุตา ความเป็นผู้รู้ประมาณในการแสวงหาเครื่องเลี้ยงชีวิตแต่โดยทางที่ชอบ และรู้ประมาณในการบริโภคแต่พอสมควร
            ๓. กาลัญญุตา ความเป็นผู้รู้จักกาลเวลาอันสมควร ในอันประกอบกิจนั้นๆ ฯ
 

คิหิปฏิบัติ

 
 ๘. อบายมุข คืออะไร ? ความเป็นนักเลงสุราจัดเป็นอบายมุข เพราะเหตุไร ?
            ตอบ : คือเหตุเครื่องฉิบหาย ฯ เพราะเป็นเหตุให้เสียทรัพย์ ก่อการทะเลาะวิวาท เกิดโรค ต้องติเตียน ไม่รู้จักอาย ทอนกำลังปัญญา ฯ
 
 ๙. อุบาสกอุบสิกาควรตั้งอยู่ในคุณสมบัติอะไรบ้าง ?
            ตอบ : ในคุณสมบัติ ๕ อย่างคือ
            ๑. ประกอบด้วยศรัทธา
            ๒. มีศีลบริสุทธิ์
            ๓. ไม่ถือมงคลตื่นข่าว คือเชื่อกรรม ไม่เชื่อมงคล
            ๔. ไม่แสวงหาเขตบุญนอกพุทธศาสนา
            ๕. บำเพ็ญบุญแต่ในพุทธศาสนา ฯ
 
 ๑๐. ในทิศ ๖ ทิศเหล่านี้หมายถึงใคร ?
 ก. ทิศเบื้องหน้า   ข. ทิศเบื้องขวา   ค. ทิศเบื้องหลัง
 ง. ทิศเบื้องซ้าย   จ. ทิศเบื้องบน

            ตอบ : ก. มารดาบิดา   ข. ครูอาจารย์   ค. บุตรภรรยา
            ง. มิตร  จ. สมณพราหมณ์ ฯ


นักธรรม ชั้นตรี

ปัญหาและเฉลย วิชา ธรรมวิภาค

สอบในสนามหลวง พ.ศ. ๒๕๕๖

๑. หิริ และ โอตตัปปะ ได้ชื่อว่าธรรมเป็นโลกบาล เพราะเหตุไร ?
            ตอบ : เพราะเป็นคุณธรรมทำบุคคลให้รังเกียจและเกรงกลัว ต่อบาปทุจริต ไม่กล้าทำความชั่วทั้งในที่ลับและที่แจ้ง ฯ
 
 ๒. การทำบุญโดยย่อมีกี่อย่าง อะไรบ้าง ?
            ตอบ : มี ๓ อย่าง ฯ
            คือ ทาน ศีล ภาวนา ฯ
 
 ๓. เหตุให้เกิดทุกข์ในอริยสัจคืออะไร ?
            ตอบ : คือตัณหา ความทะยานอยาก ฯ
 
 ๔. อภิณหปัจจเวกขณ์ คือข้อที่ควรพิจารณาเนือง ๆ ๕ อย่าง ทรงสอนให้พิจารณาอะไรบ้าง ?
            ตอบ : ทรงสอนให้พิจารณา
            ๑) ความแก่ ว่าเรามีความแก่เป็นธรรมดา ไม่ล่วงพ้นความแก่ไปได้
            ๒) ความเจ็บไข้ ว่าเรามีความเจ็บไข้เป็นธรรมดา ไม่ล่วงพ้นความเจ็บไข้ไปได้
            ๓) ความตาย ว่าเรามีความตายเป็นธรรมดา ไม่ล่วงพ้นความตายไปได้
            ๔) ความพลัดพราก ว่าเราจะต้องพลัดพรากจากของรัก ของชอบใจทั้งสิ้น
            ๕) กรรม ว่าเรามีกรรมเป็นของตัวเรา ทำดีจักได้ดี ทำชั่ว จักได้ชั่ว ฯ
 
 ๕. ขันธ์ ๕ ได้แก่อะไรบ้าง ย่อเป็น ๒ อย่างไร ?
            ตอบ : ได้แก่ รูปขันธ์ เวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ สังขารขันธ์ และวิญญาณขันธ์
            อย่างนี้คือ รูปขันธ์ คงเป็นรูป เวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ สังขารขันธ์ และวิญญาณขันธ์ ๔ ขันธ์นี้ เป็นนาม ฯ
 
 ๖. บรรพชิตผู้พิจารณาเนือง ๆ ว่าวันคืนล่วงไป ๆ บัดนี้เรา ทำอะไรอยู่ จะได้รับประโยชน์อะไร ?
            ตอบ : จะได้รับประโยชน์ คือเป็นผู้ไม่ประมาท มีความเพียร งดเว้นสิ่งที่เป็นโทษ ทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์ ฯ
 
 ๗. จงให้ความหมายของคำต่อไปนี้
 ก. พาหุสัจจะ  ข. อกุศลมูล
 ค. อินทรียสังวร  ฆ. อนัตตตา  ง. กามฉันท์ ?
            ตอบ : ก. ความเป็นผู้ศึกษามาก
            ข. รากเหง้าของอกุศล
            ค. ความสำรวมอินทรีย์
            ฆ. ความเป็นของไม่ใช่ตน
            ง. ความพอใจรักใคร่ในอารมณ์ที่ชอบใจมีรูปเป็นต้น ฯ
 

คิหิปฏิบัติ

 
 ๘. มิตรแท้มีกี่จำพวก อะไรบ้าง ?
            ตอบ : มี ๔ จำพวก คือ
            ๑) มิตรมีอุปการะ
            ๒) มิตรร่วมสุขร่วมทุกข์
            ๓) มิตรแนะประโยชน์
            ๔) มิตรมีความรักใคร่ ฯ
 
 ๙. คุณธรรมเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวใจของผู้อื่นไว้ได้ มีอะไรบ้าง ?
            ตอบ : มี
            ๑) ทาน ให้ปันสิ่งของของตนแก่ผู้อื่นที่ควรให้ปัน
            ๒) ปิยวาจา เจรจาวาจาที่อ่อนหวาน
            ๓) อัตถจริยา ประพฤติสิ่งที่เป็นประโยชน์แก่ผู้อื่น
            ๔) สมานัตตตา ความเป็นคนมีตนเสมอไม่ถือตัว ฯ
 
 ๑๐. ศีลที่คฤหัสถ์ควรรักษาเป็นนิจคือศีลอะไร ได้แก่อะไรบ้าง ?
            ตอบ : คือ ศีล ๕ ได้แก่
            ๑) เว้นจากทำชีวิตสัตว์ให้ตกล่วงไป
            ๒) เว้นจากถือเอาสิ่งของที่เจ้าของไม่ได้ให้ด้วยอาการแห่ง ขโมย
            ๓) เว้นจากประพฤติผิดในกาม
            ๔) เว้นจากพูดเท็จ
            ๕) เว้นจากดื่มน้ำเมาคือสุราและเมรัยอันเป็นที่ตั้งแห่ง ความประมาท ฯ


นักธรรม ชั้นตรี

ปัญหาและเฉลย วิชา ธรรมวิภาค

สอบในสนามหลวง พ.ศ. ๒๕๕๕

๑. พระพุทธเจ้าทรงสอนธรรมอะไรไว้สำหรับคุ้มครองโลก ?
            ตอบ :
ทรงสอนธรรมไว้ ๒ ข้อ คือ
            ๑. หิริ ความละอายต่อบาป
            ๒. โอตตัปปะ ความเกรงกลัวต่อผลบาป ฯ
 
 ๒. คำต่อไปนี้มีความหมายว่าอย่างไร ?
 ๑) สัมปชัญญะ    ๒) กตัญญูกตเวที
 ๓) กายทุจริต      ๔) มาตาปิตุอุปัฏฐาน   ๕) ปุพเพกตปุญญตา
 
           ตอบ :  ๑) สัมปชัญญะ หมายถึง ความรู้ตัว
            ๒) กตัญญูกตเวที  หมายถึง บุคคลผู้รู้อุปการะที่ท่านทำแล้วและตอบแทน
            ๓) กายทุจริต  หมายถึง ความประพฤติชั่วทางกาย
            ๔) มาตาปิตุอุปัฏฐาน หมายถึง การบำรุงมารดาบิดาของตนให้เป็นสุข
            ๕) ปุพเพกตปุญญตา หมายถึง ความเป็นผู้ได้ทำความดีไว้ในปางก่อน ฯ
 
 ๓. การสำรวมอินทรีย์  ได้แก่การกระทำอย่างไร เมื่อกระทำเช่นนั้นแล้วจะได้รับประโยชน์อะไร ?
            ตอบ :
ได้แก่ การระวังอินทรีย์  ๖ คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ในเวลาเห็นรูป ฟังเสียง ดมกลิ่น ลิ้มรส ถูกต้องโผฏฐัพพะ รู้ธรรมารมณ์ด้วยใจ
            ได้รับประโยชน์ คือ ไม่เกิดความยินดี ไม่เกิดความยินร้ายในเวลาเห็นรูป ฟังเสียง เป็นต้น ฯ
 
 ๔. ผู้จะดำรงความยุติธรรมไว้ได้ ต้องประพฤติอย่างไรบ้าง ?
 
           ตอบ : ต้องประพฤติดังนี้ คือ
            ๑. ไม่ลำเอียงเพราะรักใคร่กัน    อันเรียกว่า ฉันทาคติ
            ๒. ไม่ลำเอียงเพราะไม่ชอบกัน  อันเรียกว่า โทสาคติ
            ๓. ไม่ลำเอียงเพราะเขลา            อันเรียกว่า โมหาคติ
            ๔. ไม่ลำเอียงเพราะกลัว             อันเรียกว่า ภยาคติ ฯ
 
 ๕. คิดอย่างไรเรียกว่าพยาบาท คิดอย่างนั้นเกิดโทษอะไร ?
            ตอบ :
คิดปองร้ายผู้อื่น
            เกิดโทษ คือ ปิดกั้นจิตใจไม่ให้บรรลุความดี ฯ
 
 ๖. สัมมาวายามะ  เพียรชอบ คือเพียรอย่างไร ?
            ตอบ :
  เพียรในที่ ๔ สถาน คือ
            ๑. เพียรระวังไม่ให้บาปเกิดขึ้นในสันดาน
            ๒. เพียรละบาปที่เกิดขึ้นแล้ว
            ๓. เพียรให้กุศลเกิดขึ้นในสันดาน
            ๔. เพียรให้กุศลที่เกิดขึ้นแล้วไม่ให้เสื่อม ฯ
 
 ๗. โลกธรรม ๘ มีอะไรบ้าง ?
            ตอบ :
คือ มีลาภ  ๑ ไม่มีลาภ ๑
             มียศ ๑       ไม่มียศ ๑
            นินทา ๑      สรรเสริญ ๑
            สุข ๑           ทุกข์ ๑ ฯ

คิหิปฏิบัติ

  ๘. ตระกูลอันมั่งคั่งจะตั้งอยู่นานไม่ได้ เพราะเหตุอะไร ?
            ตอบ :
เพราะเหตุ ๔ อย่างคือ
            ๑. ไม่แสวงหาพัสดุที่หายแล้ว
            ๒. ไม่บูรณะพัสดุที่คร่ำคร่า
            ๓. ไม่รู้จักประมาณในการบริโภคสมบัติ
            ๔. ตั้งสตรีหรือบุรุษทุศีลให้เป็นแม่เรือนพ่อเรือน ฯ
 
 ๙. การอยู่ครองเรือนนั้น ควรมีธรรมอะไร ? อะไรบ้าง ?
 
           ตอบ : ควรมีฆราวาสธรรม ๔ คือ
            ๑. สัจจะ  ความซื่อสัตย์ต่อกัน
            ๒. ทมะ  การรู้จักข่มจิตของตน
            ๓. ขันติ  ความอดทน
            ๔. จาคะ  การสละให้ปันสิ่งของของตนแก่คนที่ควรให้ปัน ฯ
  
 ๑๐. มารดาบิดาได้เลี้ยงดูบุตรธิดาแล้ว บุตรธิดาพึงปฏิบัติต่อท่านอย่างไร ?
            ตอบ :
  ๑. ท่านได้เลี้ยงมาแล้วเลี้ยงท่านตอบ
            ๒. ทำกิจของท่าน
            ๓. ดำรงวงศ์สกุล
            ๔. ประพฤติตนให้เป็นคนควรรับทรัพย์มรดก
            ๕. เมื่อท่านล่วงลับไปแล้ว ทำบุญอุทิศให้ท่าน


นักธรรม ชั้นตรี

ปัญหาและเฉลย วิชา ธรรมวิภาค

สอบในสนามหลวง พ.ศ. ๒๕๕๔

๑. บุพพการีและกตัญญูกตเวทีได้แก่บุคคลเช่นไร ?
 
           ตอบ : บุพพการี ได้แก่บุคคลผู้ทำอุปการะก่อน กตัญญูกตเวที ได้แก่บุคคลผู้รู้อุปการะที่ท่านทำแล้วและตอบแทน ฯ
 
 ๒. พระพุทธเจ้าคือใคร ทรงสั่งสอนเป็นอัศจรรย์อย่างไร ?
 
           ตอบ : คือท่านผู้สอนให้ประชุมชนประพฤติชอบด้วยกาย วาจา ใจ ตามพระธรรมวินัย ทรงสั่งสอนเป็นอัศจรรย์ คือผู้ปฏิบัติตามย่อมได้ประโยชน์โดยสมควรแก่ความปฏิบัติ ฯ
 
 ๓. เห็นผิดจากคลองธรรม คือเห็นอย่างไร จัดเข้าในทุจริตข้อไหน ?
 
           ตอบ : คือเห็นผิดจากความเป็นจริง เช่น เห็นว่า บุญบาปไม่มี บิดามารดา ไม่มีพระคุณ เป็นต้น, จัดเข้าในมโนทุจริต ฯ
 
 ๔. รากเหง้าของอกุศลเรียกว่าอะไร มีอะไรบ้าง เพราะเหตุใดจึงควรละเสีย ?
            ตอบ : เรียกว่า อกุศลมูล มี โลภะ โทสะ โมหะ, เพราะเมื่ออกุศลมูลเหล่านี้มีอยู่ อกุศลอื่นที่ยังไม่เกิดก็เกิดขึ้น ที่เกิดแล้ว ก็เจริญมากขึ้น ฯ
 
 ๕. ทุกข์ในอริยสัจ ๔ คืออะไร เหตุให้เกิดทุกข์คืออะไร ?
            ตอบ :
คือ ความไม่สบายกายไม่สบายใจ คือ ตัณหา ความทะยาน อยาก ฯ
 
 ๖. อภิณหปัจจเวกขณ์ข้อว่า ควรพิจารณาทุก ๆ วัน ว่าเราจะ ต้องพลัดพรากจากของรักของชอบใจทั้งสิ้น ดังนี้ ผู้พิจารณาได้รับ ประโยชน์อย่างไร ? จงอธิบาย
            ตอบ : ได้รับประโยชน์ คือ สามารถบรรเทาความพอใจ รักใคร่ ในของรักของชอบใจ และป้องกันความทุกข์โทมนัส ในเวลาเมื่อตนต้องพลัดพรากจากของรักของชอบใจ ฯ
 
 ๗. อายตนะภายใน ๖ ได้แก่อะไรบ้าง ?
            ตอบ : ได้แก่ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ฯ
  

คิหิปฏิบัติ

 
 ๘. คนชักชวนในทางฉิบหาย มีลักษณะอย่างไร ?

            ตอบ : มีลักษณะดังนี้
            ๑. ชักชวนดื่มน้ำเมา
            ๒. ชักชวนเที่ยวกลางคืน
            ๓. ชักชวนให้มัวเมาในการเล่น
            ๔. ชักชวนเล่นการพนัน ฯ
 
 ๙. ธรรมเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวใจของผู้อื่นไว้ได้เรียกว่าอะไร มีอะไรบ้าง ?
            ตอบ : เรียกว่า สังคหวัตถุ มี
            ๑. ทาน ให้ปันสิ่งของของตนแก่ผู้อื่นที่ควรให้ปัน
            ๒. ปิยวาจา เจรจาวาจาที่อ่อนหวาน
            ๓. อัตถจริยา ประพฤติสิ่งที่เป็นประโยชน์แก่ผู้อื่น
            ๔. สมานัตตตา ความเป็นคนมีตนเสมอไม่ถือตัว ฯ
 
 ๑๐. อุบาสกอุบาสิกา ได้แก่บุคคลเช่นไร การค้าขายที่ห้ามอุบาสกอุบาสิกาประกอบ คืออะไรบ้าง ?
            ตอบ : ได้แก่ คฤหัสถ์ผู้ถึงพระรัตนตรัยเป็นสรณะ คือ
            ๑. ค้าขายเครื่องประหาร
            ๒. ค้าขายมนุษย์
            ๓. ค้าขายสัตว์เป็นสำหรับฆ่าเพื่อเป็นอาหาร
            ๔. ค้าขายน้ำเมา
            ๕. ค้าขายยาพิษ ฯ


นักธรรม ชั้นตรี

ปัญหาและเฉลย วิชา ธรรมวิภาค

สอบในสนามหลวง พ.ศ. ๒๕๕๓

๑. ธรรมมีอุปการะมากมีอะไรบ้าง ที่ว่ามีอุปการะมากนั้นเพราะเหตุไร ?
 
           ตอบ : มี สติ ความระลึกได้ และสัมปชัญญะ ความรู้ตัว เพราะทำให้เป็นผู้ไม่ประมาทในการทำกิจการงานใด ๆ และเป็นอุปการะให้ธรรมเหล่าอื่นเกิดขึ้น ฯ
 
 ๒. ในรัตนะ ๓ พระธรรม ได้แก่อะไร ให้คุณแก่ผู้ปฏิบัติตามอย่างไร ?
 
           ตอบ : ได้แก่พระธรรมวินัยที่เป็นคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ย่อมรักษาผู้ปฏิบัติไม่ให้ตกไปในที่ชั่ว ฯ
 
 ๓. พระโอวาทของพระพุทธเจ้า หรือที่เรียกกันว่าหัวใจพระศาสนา มีกี่ข้อ อะไรบ้าง ?
            ตอบ :
มี ๓ ข้อ คือ
            ๑. เว้นจากทุจริต คือประพฤติชั่วด้วยกาย วาจา ใจ
            ๒. ประกอบสุจริต  คือประพฤติดีด้วยกาย วาจา ใจ
            ๓. ทำใจของตนให้หมดจดจากเครื่องเศร้าหมองใจ มีโลภ โกรธ หลง เป็นต้น ฯ
 
 ๔. ทุจริต คืออะไร ความเห็นว่าคุณของบิดามารดาครูบาอาจารย์ไม่มี บุญบาปไม่มี จัดเป็นทุจริตข้อไหน ?
            ตอบ :
คือ ประพฤติชั่วด้วยกายวาจาใจ, จัดเป็นมโนทุจริต ฯ
 
 ๕. ไตรลักษณะ ได้แก่อะไรบ้าง ?
 
           ตอบ : ๑. อนิจจตา ความเป็นของไม่เที่ยง
            ๒. ทุกขตา  ความเป็นทุกข์
            ๓. อนัตตตา   ความเป็นของไม่ใช่ตน ฯ
 
 ๖. พรหมวิหาร ๔ มีอะไรบ้าง ?
 
           ตอบ : มี เมตตา กรุณา  มุทิตา  อุเบกขา เพราะเป็นธรรมเครื่องอยู่ของท่านผู้ใหญ่ ฯ
 
 ๗. นักเรียนผู้ต้องการจะเรียนหนังสือให้ได้ผลดี จะนำอิทธิบาทมาใช้อย่างไร ?
 
           ตอบ : ในเบื้องต้น ต้องสร้างฉันทะคือความพอใจในการศึกษาเล่าเรียนก่อน เมื่อมีความพอใจ จะเป็นเหตุให้ขยันศึกษาหาความรู้ที่เรียกว่าวิริยะ และเกิดความใฝ่ใจใคร่รู้สิ่งต่าง ๆ มากขึ้นนี่เรียกว่าจิตตะ และเมื่อเรียนรู้แล้วก็ต้องนำความรู้นั้นมาใคร่ครวญพิจารณาให้เข้าใจเหตุและผลอย่างถูกต้อง ที่เรียก วิมังสา ดังนี้ก็จะประสบผลสำเร็จในการศึกษาเล่าเรียนได้ ฯ

คิหิปฏิบัติ

  ๘. ศีลที่คฤหัสถ์ควรรักษาเป็นนิตย์ มีอะไรบ้าง ?
            ตอบ :
มี ๑. เว้นจากการฆ่าสัตว์
            ๒. เว้นจากการลักทรัพย์
            ๓. เว้นจากการประพฤติผิดในกาม
            ๔. เว้นจากการพูดปด
            ๕. เว้นจากากรดื่มน้ำเมาคือสุราและเมรัย อันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท ฯ
 
 ๙. จงจับคู่ข้อทางซ้ายมือกับข้อทางขวามือให้ถูกต้อง
            ก) จะทำดีทำชั่ว ก็ต้องคล้อยตาม                ๑) มิตรดีแต่พูด
            ข) ป้องกันเพื่อนผู้ประมาทแล้ว                  ๒) มิตรหัวประจบ
            ค) สงเคราะห์ด้วยสิ่งหาประโยชน์มิได้       ๓) มิตรมีความรักใคร่
            ง) ห้ามไม่ให้ทำความชั่ว                             ๔) มิตรมีอุปการะ
            จ) ทุกข์ ๆ ด้วย สุข ๆ ด้วย                            ๕) มิตรแนะประโยชน์
            ตอบ :
ข้อ ก คู่กับ ข้อ ๒
            ข้อ ข คู่กับ ข้อ ๔
            ข้อ ค คู่กับ ข้อ ๑
            ข้อ ง คู่กับ ข้อ ๕
            ข้อ จ คู่กับ ข้อ ๓
 
 ๑๐. จงบอกโทษของการดื่มสุรามาสัก ๓ ข้อ
            ตอบ :
มีโทษดังนี้ (ให้ตอบเพียง ๓ ข้อ)
            ๑. เสียทรัพย์
            ๒. ก่อการทะเลาะวิวาท
            ๓. เกิดโรค
            ๔. ต้องติเตียน
            ๕. ไม่รู้จักอาย
            ๖. ทอนกำลังปัญญา ฯ


นักธรรม ชั้นตรี

ปัญหาและเฉลย วิชา ธรรมวิภาค

สอบในสนามหลวง พ.ศ. ๒๕๕๒

๑. บุพพการีและกตัญญูกตเวที ได้แก่บุคคลเช่นไร จงยกตัวอย่างมาสัก ๒ คู่
 
           ตอบ : บุพพการี ได้แก่บุคคลผู้ทำอุปการะก่อน กตัญญูกตเวที ได้แก่บุคคลผู้รู้อุปการะที่ท่านทำแล้ว และตอบ :แทน (ตอบ  เพียง ๒ คู่)
            คู่ที่ ๑ มารดาบิดากับบุตรธิดา
            คู่ที่ ๒ ครูอาจารย์กับศิษย์
            คู่ที่ ๓ พระราชากับราษฎร
            คู่ที่ ๔ พระพุทธเจ้ากับพุทธบริษัท ฯ
 
 ๒. อาการที่พระพุทธเจ้าทรงสั่งสอนกี่อย่าง ข้อที่ว่า “ทรงสั่งสอนเป็นอัศจรรย์” นั้นคืออย่างไร ?
 
           ตอบ : มี ๓ อย่าง, คือ ผู้ปฏิบัติตามย่อมได้ประโยชน์โดยสมควรแก่ความปฏิบัติ ฯ
  
 ๓. มูลเหตุที่ทำให้บุคคลทำความชั่ว เรียกว่าอะไร มีอะไรบ้าง เมื่อเกิดขึ้นแล้วควรปฏิบัติอย่างไร ?
 
           ตอบ : เรียกว่า อกุศลมูล มี
            ๑.โลภะ อยากได้
            ๒.โทสะ คิดประทุษร้ายเขา
            ๓.โมหะ  หลงไม่รู้จริง
            เมื่อเกิดขึ้นแล้วควรละเสียด้วยทาน ศีล ภาวนา ฯ
 
 ๔. ปัญญาอันเห็นชอบอย่างไร จึงชื่อว่ามรรคในอริยสัจ ๔ เพราะเหตุไร ?
 
           ตอบ : ปัญญาอันเห็นชอบว่าสิ่งนี้ทุกข์ สิ่งนี้เหตุให้ทุกข์เกิด สิ่งนี้ความดับทุกข์ สิ่งนี้ทางให้ถึงความดับทุกข์ ได้ชื่อว่ามรรค เพราะเป็นข้อปฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์ ฯ
 
 ๕. ธรรมเป็นกำลัง ๕ อย่าง คืออะไรบ้าง ธรรม ๕ อย่างนั้น เรียกว่าอินทรีย์เพราะเหตุไร ?
 
           ตอบ : คือ ๑. สัทธา ความเชื่อ   ๒. วิริยะ ความเพียร ๓. สติ ความระลึกได้ ๔. สมาธิ ความตั้งใจมั่น ๕. ปัญญา ความรอบรู้
            เพราะเป็นใหญ่ในกิจของตน ฯ
 
 ๖. คารวะ คืออะไร มีกี่อย่าง ข้อว่า คารวะในความศึกษา หมายถึงอะไร ?
            ตอบ :
คือ ความเคารพ เอื้อเฟื้อ, มี ๖ อย่าง, หมายถึง ความเคารพ เอื้อเฟื้อในไตรสิกขา ฯ
 
 ๗. มละ คืออะไร เป็นศิษย์ได้ดีแล้วทำมึนตึงกับอาจารย์จัดเข้าในมละอย่างไหน และควรชำระมละอย่างนั้นด้วยธรรมอะไร ?
 
           ตอบ : มละคือมลทิน จัดเข้าใน มักขะ ลบหลู่คุณท่าน และควรชำระด้วยกตัญญูกตเวทิตา ความรู้คุณท่านแล้วตอบแทน ฯ

คิหิปฏิบัติ

 
 
 ๘. อบายมุข คืออะไร คบคนชั่วเป็นมิตรมีโทษอย่างไร ?
 
           ตอบ : คือ ทางแห่งความเสื่อม มีโทษอย่างนี้ คือ
            ๑. นำให้เป็นนักเลงการพนัน
            ๒. นำให้เป็นนักเลงเจ้าชู้
            ๓. นำให้เป็นนักเลงเหล้า
            ๔. นำให้เป็นคนลวงเขาด้วยของปลอม
            ๕. นำให้เป็นคนลวงเขาซึ่งหน้า
            ๖. นำให้เป็นคนหัวไม้ ฯ
 
 ๙. ธรรมเป็นไปเพื่อประโยชน์ในปัจจุบันเรียกว่าอะไร มีอะไรบ้าง ?
 
           ตอบ : เรียกว่า ทิฏฐธัมมิกัตถประโยชน์ มีดังนี้
            ๑. อุฏฐานสัมปทา ถึงพร้อมด้วยความหมั่นในการประกอบกิจเครื่องเลี่ยงชีวิตก็ดี ในการศึกษาเล่าเรียกก็ดี ในการทำธุระหน้าที่ของตนก็ดี
            ๒. อารักขสัมปทา ถึงพร้อมด้วยการรักษา คือรักษาทรัพย์ที่แสวงหามาได้ด้วยความหมั่น ไม่ให้เป็นอันตรายก็ดี รักษาการงานของตนไม่ให้เสื่อมเสียไปก็ดี
            ๓. กัลป์ยาณมิตตตา ความมีเพื่อนเป็นคนดี ไม่คบคนชั่ว
            ๔. สมชีวิตา ความเลี้ยงชีวิตตามสมควรแก่กำลังทรัพย์ที่หาได้ ไม่ให้ฝืดเคืองนัก ไม่ให้ฟูมฟายนัก ฯ
 
 ๑๐. มิจฉาวณิชชา คืออะไร การค้าขายเด็ก การค้าขายยาเสพติด การค้าขายเบ็ดตกปลา จัดเป็นมิจฉาวณิชชาข้อใด ?
            ตอบ :
มิจฉาวณิชชา คือการค้าขายไม่ชอบธรรม
            การค้าขายเด็ก จัดเข้าในค้าขายมนุษย์
            การค้าขายยาเสพติด  จัดเข้าในค้าขายน้ำเมา
            การค้าขายเบ็ดตกปลา จัดเข้าในค้าขายเครื่องประหาร ฯ


นักธรรม ชั้นตรี

ปัญหาและเฉลย วิชา ธรรมวิภาค

สอบในสนามหลวง พ.ศ. ๒๕๕๑

๑. การที่บุคคลพบงูพิษแล้วสะดุ้งกลัวว่าจะถูกกัดตาย จัดเป็นโอตตัปปะ ได้หรือไม่ เพราะเหตุใด?
 
           ตอบ : ไม่ได้, เพราะไม่ใช่ความเกรงกลัวต่อบาป ฯ
 
 ๒. พระสงฆ์ในรัตนตรัยมีคุณอย่างไร ?
            ตอบ :
ท่านปฏิบัติชอบตามคำสอนของพระพุทธเจ้าแล้ว สอนให้ผู้อื่นกระทำตามด้วย ฯ
 
 ๓. โอวาทของพระพุทธเจ้า ๓ อย่างมีอะไรบ้าง ?
            ตอบ :
มี ๑. เว้นจากทุจริต คือประพฤติชั่วทางกาย วาจา ใจ
            ๒. ประกอบสุจริต คือประพฤติชอบทางกาย วาจา ใจ
            ๓. ทำใจของตนให้หมดจดจากเครื่องเศร้าหมองใจ มีโลภ โกรธ หลง เป็นต้น ฯ
 
 ๔. อินทรียสังวร คือสำรวมอินทรีย์ อินทรีย์ได้แก่อะไรบ้าง ?
 
           ตอบ : ได้แก่ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ฯ
 
 ๕. ธรรมหมวดหนึ่ง เป็นเหตุให้ผู้ประพฤติขาดความเที่ยงธรรมชื่อว่าอะไร มีอะไรบ้าง ?
            ตอบ :  ชื่อว่า อคติ ความลำเอียง มี
            ๑. ฉันทาคติ  ลำเอียงเพราะรักใคร่กัน
            ๒. โทสาคติ  ลำเอียงเพราะไม่ชอบกัน
            ๓. โมหาคติ  ลำเอียงเพราะเขลา
            ๔. ภยาคติ   ลำเอียงเพราะกลัว ฯ
 
 ๖. ธาตุ ๔ มีธาตุอะไรบ้าง ธาตุมีลักษณะแข็นแข็ง คือ ธาตุอะไร ?
 
           ตอบ : คือ ธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุไฟ ธาตุลม, คือ ธาตุดิน ฯ
 
 ๗. ขันธ์ ๕ ได้แก่อะไรบ้าง โดยย่อเรียกว่าอะไร ?
 
           ตอบ : ได้แก่ รูป เวทนา  สัญญา สังขาร วิญญาณ, เรียกว่า นามรูป ฯ

คิหิปฏิบัติ

 

๘. ข้อว่า “แม้ชีวิตก็อาจสละแทนได้” ดังนี้ เป็นลักษณะของมิตรแท้ประเภทใด ?
 
           ตอบ :  มิตรร่วมสุขร่วมทุกข์ ฯ
 
 ๙. คุณธรรมเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวน้ำใจของผู้อื่นไว้ได้ คืออะไร มีอะไรบ้าง ?
            ตอบ :
คือ สังคหวัตถุ ๔ มี
 ๑. ทาน ให้ปันสิ่งของของตนแก่ผู้อื่นที่ควรให้ปัน
 ๒. ปิยวาจา เจรจาวาจาที่อ่อนหวาน
 ๓. อัตถจริยา ประพฤติสิ่งที่เป็นประโยชน์แก่ผู้อื่น
 ๔. สมานัตตตา ความเป็นคนมีตนเสมอไปถือตัว ฯ
 
 ๑๐. การค้าขายสุรา เป็นอาชีพที่ถูกต้องตามกฎหมาย ในทางพระพุทธศาสนา มีความเห็นไว้อย่างไร ?
 
           ตอบ :  ทางพระพุทธศาสนา จัดเป็นมิจฉาวณิชชา การค้าขายไม่ชอบธรรม เป็นข้อห้าม อุบาสกไม่ควรประกอบ ฯ


นักธรรม ชั้นตรี

ปัญหาและเฉลย วิชา ธรรมวิภาค

สอบในสนามหลวง พ.ศ. ๒๕๕๐

๑. ในทางโลก ดูคนงามกันที่รูปร่างหน้าตา ในทางพระพุทธศาสนา ดูคนงามกันที่ไหน ?
            ตอบ :
ในทางพระพุทธศาสนา ดูคนงามกันที่คุณธรรมอันทำให้งาม ๒ ประการ คือ ขันติ ความอดทน และโสรัจจะ ความสงบเสงี่ยม ฯ
 
 ๒. มโนสุจริตคืออะไร มีอะไรบ้าง?
            ตอบ :
คือ การประพฤติชอบด้วยใจ มี
            ๑.ไม่โลภอยากได้ของเขา  ๒.ไม่พยาบาทปองร้ายเขา  ๓.เห็นชอบตามคลองธรรม ฯ
 
 ๓. อิทธิบาท คือ ธรรมเป็นคุณเครื่องให้สำเร็จความประสงค์ของบุคคล ส่วนธรรมอันเป็นเครื่องกั้นจิตไม่ให้บรรลุความดี คืออะไร มีอะไรบ้าง?
 
           ตอบ : คือ   นิวรณ์ ๕ มี
            ๑. กามฉันท์ พอใจรักใคร่ในอารมณ์ที่ชอบใจมีรูปเป็นต้น
            ๒. พยาบาท ปองร้ายผู้อื่น
            ๓. ถีนมิทธะ ความที่จิตหดหู่และเคลิบเคลิ้ม
            ๔. อุทธัจจกุกกุจจะ   ฟุ้งซ่านและรำคาญ
            ๕. วิจิกิจฉา    ลังเลไม่ตกลงได้ ฯ
 
 ๔. ภิกษุสามเณรผู้บวชใหม่จะต้องมีอินทรียสังวร คือสำรวมอินทรีย์ สำรวมอินทรีย์นั้นคืออย่างไร?
 
           ตอบ : คือระวังตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ไม่ให้ความยินดียินร้ายครอบงำได้ ในเวลาเห็นรูป ฟังเสียง ดมกลิ่น ลิ้มรส ถูกต้องโผฏฐัพพะ รู้ธรรมารมณ์ ฯ
 
 ๕. ควรพิจารณาทุก ๆ วัน ว่าเราจะต้องพลัดพรากจากของรักของชอบใจทั้งสิ้น ข้อความนี้อยู่ในหมวดธรรมอะไร ท่านให้พิจารณาอย่างนี้เพื่ออะไร ?
            ตอบ :
อยู่ในธรรมหมวดอภิณหปัจจเวกขณ์ ๕ เพื่อบรรเทาความยึดมั่นถือมั่นว่า สิ่งนั้น คนนั้น เป็นที่รักของเรา จักไม่ต้องเสียใจในเมื่อต้องพลัดพรากจากสิ่งนั้น คนนั้น จริง ๆ ฯ
 
 ๖. มรรคมีองค์แปดจัดเข้าในสิกขา ๓ ได้หรือไม่ ? ถ้าได้จงจัดมาดู
 ตอบ :
ได้, จัดดังนี้ สัมมาทิฏฐิ และสัมมาสังกัปปะ จัดเข้าในปัญญาสิกขา, สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ จัดเข้าในสีลสิกขา, สัมมาวายามะ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ จัดเข้าในจิตตสิกขา ฯ
 
 ๗. มละ คืออะไร เป็นศิษย์ได้ดีและทำมึนตึงกับอาจารย์ จัดเข้าในมละอย่างไหน และควรชำระมละอย่างนั้นด้วยธรรมอะไร ?
 
           ตอบ : มละ คือมลทิน, จัดเข้าใน มักขะ ลบหลู่คุณท่าน และควรชำระด้วยกตัญญูกตเวทิตา ความรู้คุณทานแล้วตอบแทน ฯ
 

คิหิปฏิบัติ


 ๘. เมื่อแสวงหาโภคทรัพย์ได้โดยทางที่ชอบแล้ว ควรทำอะไรบ้างเพื่อให้เกิดประโยชน์ในโภคทรัพย์ที่ได้มานั้น ?
 
           ตอบ : ควรทำ
 ๑. เลี้ยงตัว มารดา บิดา บุตร ภรรยา บ่าวไพร่ ให้เป็นสุข
 ๒. เลี้ยงเพื่อนฝูงให้เป็นสุข
 ๓. บำบัดอันตรายที่เกิดแต่เหตุต่าง ๆ
 ๔. ทำพลี  ๕ อย่าง คือ
            ๑) ญาติพลี สงเคราะห์ญาติ
            ๒) อติถิพลี  ต้อนรับแขก
            ๓) ปุพพเปตพลี  ทำบุญอุทิศให้ผู้ตาย
            ๔) ราชพลี ถวายเป็นหลวง มีภาษีอากร เป็นต้น
            ๕) เทวตาพลี ทำบุญอุทิศให้เทวดา
 ๕. บริจาคทานให้สมณพราหมณ์ผู้ประพฤติชอบ ฯ
 
 ๙. การค้าขายสัตว์เพื่อเอาไปฆ่าเป็นอาหาร เป็นการผิดศีลข้อปาณาติบาตหรือไม่ เพราะเหตุไร อุบาสกควรปฏิบัติอย่างไรในเรื่องนี้ ?
 
           ตอบ : ไม่ผิด เพราะไม่ได้เป็นผู้ฆ่าหรือสั่งให้ฆ่า อุบาสกควรเว้นการค้าขายชนิดนี้เสีย ฯ
 
 ๑๐. ทิศ ๖ ในคิหิปฏิบัติ มีอะไรบ้าง แต่ละทิศหมายถึง ใคร ?
 
           ตอบ : มี ดังนี้
            ๑. ทิศเบื้องหน้า   หมายถึง  มารดาบิดา
            ๒. ทิศเบื้องขวา   หมายถึง   อาจารย์
            ๓. ทิศเบื้องหลัง   หมายถึง  บุตรภรรยา
            ๔. ทิศเบื้องซ้าย   หมายถึง    มิตร
            ๕. ทิศเบื้องต่ำ     หมายถึง   บ่าว
            ๖. ทิศเบื้องบน    หมายถึง   สมณพราหมณ์ ฯ