ธรรมศึกษา โท ประถม พ.ศ. ๒๕๖๖

ธรรมศึกษา ชั้นโท

ปัญหา วิชาเรียงความแก้กระทู้ธรรม

ระดับประถมศึกษา

สอบในสนามหลวง พ.ศ. ๒๕๖๖

อสนฺเต นูปเสเวยฺย   สนฺเต เสเวยฺย ปณฺฑิโต

    อสนฺโต นิรยํ เนนฺติ    สนฺโต ปาเปนฺติ สุคตึ.

บัณฑิตไม่พึงคบอสัตบุรุษ พึงคบสัตบุรุษ
เพราะอสัตบุรุษย่อมนำไปสู่นรก สัตบุรุษย่อมให้ถึงสุคติ.

คัมภีร์ที่มา : ขุทฺทกนิกาย วีสตินิบาต

แต่งอธิบายให้สมเหตุสมผล โดยใช้สุภาษิตที่สนามหลวงแผนกธรรมกำหนดมาให้ จำนวน ๕ สุภาษิตข้างล่างนี้ มาประกอบอ้างอิงเพียง ๒ สุภาษิต และสุภาษิตที่อ้างมานั้น ควรอธิบายเชื่อมความให้สมกับเรื่องในกระทู้ตั้ง

ในชั้นนี้ กำหนดให้เขียนลงในกระดาษใบตอบตั้งแต่ ๓ หน้า (เว้นบรรทัด) ขึ้นไป

——————-

ให้เวลา ๓ ชั่วโมง

สีลเมวิธ สิกฺเขถ   อสฺมึ โลเก สุสิกฺขิตํ

 สีลํ หิ สพฺพสมฺปตฺตึ   อุปนาเมติ เสวิตํ.

  พึงศึกษาศีลในโลกนี้ เพราะศีลที่ศึกษาดีแล้ว
เสพแล้วในโลกนี้ย่อมน้อมนำมาซึ่งสมบัติทั้งปวง.

คัมภีร์ที่มา : ขุททกนิกาย เถรคาถา

          อิเธว กิตฺตึ ลภติ        เปจฺจ สคฺเค จ สุมโน

         สพฺพตฺถ สุมโน ธีโร   สีเลสุ สุสมาหิโต.

          ผู้มีปรีชา มั่นคงดีแล้วในศีล ย่อมได้รับชื่อเสียงในโลกนี้
ละไปแล้ว ชื่อว่าย่อมดีใจในที่ทั้งปวง.

คัมภีร์ที่มา : ขุททกนิกาย เถรคาถา

       เอโกปิ สทฺโธ เมธาวี   อสุสทฺธานํ จ ญาตินํ

            ธมฺมฏฺโฐ สีลสมฺปนฺโน  โหติ อตฺถาย พนฺธุนํ.

          ผู้มีศรัทธา มีปัญญา ตั้งในธรรมถึงพร้อมด้วยศีล แม้คนเดียว
ย่อมเป็นประโยชน์แก่ญาติและพวกพ้องผู้

คัมภีร์ที่มา : ขุททกนิกาย เถรคาถา

            อโมฆํ ทิวสํ กยิรา   อปเปน พหุเกน วา

         ยํ ยํ วิวหเต รตฺติ   ตทูนนฺตสฺส ชีวิตํ.

       ควรทำวันคืนไม่ให้เปล่าจากประโยชน์น้อยหรือมาก
เพราะวันคืนผ่านบุคคลใดไป ชีวิตของบุคคลนั้น
ย่อมพร่องจากประโยชน์นั้น.

คัมภีร์ที่มา : ขุททกนิกาย เถรคาถา

ยญฺหิ กยิรา ตญฺหิ วเท      ยํ น กยิรา น ตํ วเท

อกโรนฺตํ ภาสมานํ           ปริชานนฺติ ปณฺฑิตา.

      บุคคลทำสิ่งใด ควรพูดสิ่งนั้น ไม่ทำสิ่งใด
ไม่ควรพูดสิ่งนั้น บัณฑิตย่อมกำหนดรู้คนที่ไม่ทำ ได้แต่พูด.

คัมภีร์ที่มา : ขุททกนิกาย เถรคาถา


ธรรมศึกษา ชั้นโท

ปัญหาและเฉลย วิชา ธรรม

ระดับประถมศึกษา

สอบในสนามหลวง พ.ศ. ๒๕๖๖

๑. วิธีการทำบุญในพระพุทธศาสนา เรียกว่าอะไร?
  ก. ทานมัย
 ข. สีลมัย
 ค. ภาวนามัย
 ง. บุญกิริยาวัตถุ
 

 ๒. บุญ หมายถึงอะไร ?
 ก. ความดี
 ข. ความสุข
 ค. ความเจริญ
 ง. ถูกทุกข้อ
 
 
๓. ทำบุญสร้างโรงพยาบาล จัดเป็นบุญกิริยาวัตถุใด ?
 ก. ทานมัย
 
ข. สีลมัย
 
ค. ภาวนามัย
 ง. ปัตติทานมัย
 
 ๔. ไม่ฆ่าสัตว์ มีเมตตากรุณา จัดเป็นบุญกิริยาวัตถุใด ?
 
ก. ทานมัย
 ข. สีลมัย
 
ค. ภาวนามัย
 ง. ปัตติทานมัย
 

 ๕. วิธีทำบุญที่มีอานิสงส์มากที่สุด คือข้อใด ?
 ก. ทานมัย
 ข. สีลมัย
 ค. ภาวนามัย
 
ง. ปัตติทานมัย
 
 ๖. วุฑฒิ แปลว่าอะไร ?
 ก. ความเจริญรุ่งเร่อง
 
ข. เจริญวัย
 ค. เจริญยศ
 ง. เจริญทรัพย์

 ๗. คบสัตบุรุษ หมายถึงการกระทำเช่นไร ?
 ก. สนทนา
 ข. ปรึกษาหารือ
 ค. ฟังคำสั่งสอน
 ง. ถูกทุกข้อ
 

 ๘. สัทธััมมัสสวนะ จะเกิดความเจริญรุ่งเรืองแก่ผูู้ฟังได้ด้วยวิธีใด?
 ก. รับฟัง
 ข. จดจำเนื้อหา
 ค. ยอมรับนับถือ
 ง. ลงมือปฏิบัติ
 

 ๙. โยนิโสมนสิการ เป็นบ่อเกิดแห่งมรรคใด ?
 ก. สัมมาทิฏฐิ
 
ข. สัมมาวาจา
 ค. สัมมาอาชีวะ
 ง. สัมมาวายามะ
 
 ๑๐. โยนิโสมนสิการ หมายถึงความคิดใด ?
 ก. คิดถูกวิธี
 ข. คิดมีระบบ
 ค. คิดไตร่ตรอง
 ง. ถูกทุกข้อ
 
 
๑๑. ข้อใด เป็นความหมายของธััมมานุธััมมปฏิปัตติ ?
 ก. คบคนดี
 ข. ฟังธรรม
 ค. คิดไตร่ตรอง
 ง. ลงมือปฏิบัติ
 

 ๑๒. ธรรมที่เป็นเสมือนล้อรถนำไปสู่จุดหมาย เรียกว่าอะไร ?
 ก. วุฑฒิ ๔
 ข. จักร ๔
 
ค. ปธาน ๔
 ง. อธิษฐาน ๔
 
 
๑๓. ประเทศเช่นไร เรียกว่าปฏิรูปเทสวาสะ ?
 
ก. มีความเจริญ
 ข. มีคนดีมาก
 
ค. มีเศรษฐกิจดี
 ง. ถูกทุกข้อ
 
 
๑๔. อาคารรัฐสภา สัปปายะสภาสถาน มีความหมายตรงกับสัปปายะใด ?
 ก. อาวาส
 
ข. บุคคล
 ค. อาหาร
 ง. ธรรม
 
 ๑๕. คำว่า สัปปุริสูปัสสยะ แปลว่าอะไร ?
 ก. คบสัตบุรุษ
 
ข. คบเพื่อน
 ค. คบค้าสมาคม
 ง. คบมิตรประเทศ
 
 ๑๖. คำว่า อัตตสัมมาปณิธิ แปลว่าอะไร ?
 ก. ตั้งใจ
 ข. ตั้งมั่น
 ค. ตั้งตัว
 ง. ตั้งตนไว้ชอบ
 

 ๑๗. อัตตสัมมาปณิธิ หมายถึงข้อใด ?
 ก. วางตัวได้เหมาะสม
 ข. ประพฤติดี
 ค. มีการศึกษา
 ง. ถูกทุกข้อ
 

 ๑๘. ปุพเพกตปุญญตา แปลสั้น ๆ ว่าอย่างไร ?
 ก. มีบุญเก่า
 
ข. มีบุญมาก
 ค. มีบุญน้อย
 ง. มีบุญแต่กรรมบัง
 
 ๑๙. จักร ๔ ข้อใด สำคัญที่สุด ?
 ก. อยู่ถิ่นดี
 ข. คบคนดี
 ค. ตั้งตนไว้ดี
 
ง. ทำบุญมาดี
 
 ๒๐. ผูู้ใหญ่วางตนอย่างไร จึงจะเป็นที่ยกย่องของผูู้น้อย ?
 ก. เว้นอคติ
 
ข. เว้นอรติ
 ค. เว้นมติ
 ง. เว้นคติ
 
 ๒๑. ลำเอียงเพราะรัก เรียกว่าอะไร ?
 ก. ฉันทาคติ
 
ข. โทสาคติ
 ค. โมหาคติ
 ง. ภยาคติ
 
 ๒๒. ลำเอียงเพราะไม่ชอบ เรียกว่าอะไร ?
 ก. ฉัันทาคติ
 ข. โทสาคติ
 ค. โมหาคติ
 ง. ภยาคติ
 
 ๒๓. ลำเอียงเพราะโง่เขลา เรียกว่าอะไร ?
 ก. ฉัันทาคติ
 ข. โทสาคติ
 ค. โมหาคติ
 
ง. ภยาคติ
 
 ๒๔. ลำเอียงเพราะกลัว เรียกว่าอะไร ?
 ก. ฉัันทาคติ
 ข. โทสาคติ
 ค. โมหาคติ
 ง. ภยาคติ
 

 ๒๕. พ่อแม่ไม่ลงโทษบุตรธิดาที่ทำผด เรียกว่ามีอคติใด ?
 ก. ฉันทาคติ
 
ข. โทสาคติ
 ค. โมหาคติ
 ง. ภยาคติ

๒๖. ความอยุติธรรมที่เกิดจากไม่รู้ข้อมูลที่แท้จริง ตรงกับข้อใด ?
 ก. ฉัันทาคติ
 ข. โทสาคติ
 ค. โมหาคติ
 
ง. ภยาคติ

 ๒๗. ผูู้ที่ตกอยู่ในอำนาจของอคติ จะมีพฤติกรรมเช่นใด ?
 ก. เห็นแก่ตัว
 ข. ไม่ยุติธรรม
 ค. ตระหนี่
 ง. โกรธง่าย
 
  ๒๘. ธรรมหมวดใด หมายถึงความเพียร ?
 ก. วุฑฒิ ๔
 ข. จักร ๔
 ค. ปธาน ๔
 
ง. อิทธิบาท ๔
 
 ๒๙. เพียรระวังบาป เป็นคำแปลของปธานใด ?
 ก. สังวรปธาน
 
ข. ปหานปธาน
 ค. ภาวนาปธาน
 ง. อนุรักขนาปธาน
 
 ๓๐. เพียรละบาป เป็นคำแปลของปธานใด ?
 ก. สังวรปธาน
 ข. ปหานปธาน
 ค. ภาวนาปธาน
 ง. อนุรักขนาปธาน
 
 ๓๑. เพียรสร้างกุศล เป็นคำแปลของปธานใด ?
 ก. สังวรปธาน
 ข. ปหานปธาน
 ค. ภาวนาปธาน
 
ง. อนุรักขนาปธาน
 
 ๓๒. เพียรรักษากุศล เป็นคำแปลของปธานใด ?
 ก. สังวรปธาน
 ข. ปหานปธาน
 ค. ภาวนาปธาน
 ง. อนุรักขนาปธาน
 

 ๓๓. ละชั่วกลัวบาป เป็นความหมายของปธานใด ?
 ก. สังวรปธาน
 ข. ปหานปธาน
 
ค. ภาวนาปธาน
 ง. อนุรักขนาปธาน
 
 ๓๔. สร้างความดีชีวีไม่ตกต่ำ เป็นความหมายของปธานใด ?
 ก. สังวรปธาน
 ข. ปหานปธาน
 ค. ภาวนาปธาน
 
ง. อนุรักขนาปธาน
 
 ๓๕. รักษาความดีดุจเกลือรักษาความเค็ม เป็นความหมายของปธานใด ?
 ก. สังวรปธาน
 ข. ปหานปธาน
 ค. ภาวนาปธาน
 ง. อนุรักขนาปธาน
 

 ๓๖.  ธรรมที่ควรตั้งไว้ในใจ เรียกว่าอะไร ?
 ก. วุฑฒิ
 ข. จักร
 ค. ปธาน
 ง. อธิษฐาน
 
 
๓๗. รอบรู้ในสิ่งที่ควรรู้ เป็นคำแปลของข้อใด ?
 ก. ปัญญา
 
ข. สัจจะ
 ค. จาคะ
 ง. อุปสมะ
 
 ๓๘. ความจริงใจ เป็นคำแปลของข้อใด ?
 ก. ปัญญา
 ข. สัจจะ
 ค. จาคะ
 ง. อุปสมะ
 
 ๓๙. สละสิ่งที่เป็นข้าศึกแก่ความจริงใจ เป็นคำแปลของข้อใด ?
 ก. ปัญญา
 ข. สัจจะ
 ค. จาคะ
 
ง. อุปสมะ
 
 ๔๐. สงบใจจากสิ่งที่เป็นข้าศึก เป็นคำแปลของข้อใด ?
 ก. ปัญญา
 ข. สัจจะ
 ค. จาคะ
 ง. อุปสมะ
 

 ๔๑. คุณเครื่องให้สำเร็จความประสงค์ เรียกว่าอะไร ?
 ก. วุฑฒิ
 ข. จักร
 ค. อิทธิบาท
 
ง. อธิษฐาน
 
 ๔๒. ความพอใจรักใคร่ในสิ่งนั้น ๆ เป็นคำแปลของข้อใด ?
 ก. ฉันทะ
 
ข. วิริยะ
 ค. จิตตะ
 ง. วิมังสา
 
 ๔๓. เพียรประกอบสิ่งนั้น ๆ เป็นคำแปลของข้อใด ?
 ก. ฉัันทะ
 ข. วิริยะ
 
ค. จิตตะ
 ง. วิมังสา
 
 
๔๔. เอาใจฝักใฝ่่ในสิ่งนั้น ๆ ไม่วางธุระ เป็นคำแปลของข้อใด ?
 ก. ฉัันทะ
 ข. วิริยะ
 ค. จิตตะ
 
ง. วิมังสา
 
 ๔๕. หมั่นตริตรองพิจารณาเหตุผู้ลในสิ่งนั้น ๆ เป็นคำแปลของข้อใด ?
 ก. ฉัันทะ
 ข. วิริยะ
 ค. จิตตะ
 ง. วิมังสา
 

 ๔๖. ธรรมอันเป็นเครื่องอยู่ของพรหมหรือผูู้ใหญ่ เรียกว่าอะไร ?
 ก. วุฑฒิ
 ข. จักร
 ค. อิทธิบาท
 ง. พรหมวิหาร
 

 ๔๗. ความรักใคร่ปรารถนาให้ผูู้อื่นเป็นสุข เป็นความหมายของข้อใด ?
 ก. เมตตา
 
ข. กรุณา
 ค. มุทิตา
 ง. อุเบกขา
 
 ๔๘. ความสงสารคิดช่วยผูู้อื่นให้พ้นทุกข์ เป็นความหมายของข้อใด ?
 ก. เมตตา
 ข. กรุณา
 ค. มุทิตา
 ง. อุเบกขา
 
 ๔๙. ความพลอยยินดีเมื่อผูู้อื่นได้ดี เป็นความหมายของข้อใด ?
 ก. เมตตา
 ข. กรุณา
 ค. มุทิตา
 
ง. อุเบกขา
 
 ๕๐. ความวางเฉยอย่างถูกต้องด้วยปัญญา เป็นความหมายของข้อใด ?
 ก. เมตตา
 ข. กรุณา
 ค. มุทิตา
 ง. อุเบกขา

ให้เวลา ๕๐ นาที


ธรรมศึกษา ชั้นโท

ปัญหาและเฉลย วิชา อนุพุทธประวัติ

ระดับประถมศึกษา

สอบในสนามหลวง พ.ศ. ๒๕๖๖

๑. หลังตรัสรู้ พระพุทธเจ้าเสวยวิมุตติสุขอยู่กี่สัปดาห์ ?
 ก. ๕ สัปดาห์
 ข. ๖ สัปดาห์
 ค. ๗ สัปดาห์
 
ง. ๘ สัปดาห์
 
 ๒. สัปดาห์ที่ ๑ ประทับเสวยวิมุตติสุข ณ ที่ใด ?
 ก. ใต้ต้นโพธิ์
 
ข. ใต้ต้นไทร
 ค. ใต้ต้นไผ่
 ง. ใต้ต้นมะม่วง
 
 ๓. พระพุทธเจ้าทรงพบกับตปุสสะและภัลลิกะ ขณะประทับใต้ต้นไม้ใด ?
 ก. ต้นเกตุ
 
ข. ต้นไผ่
 ค. ต้นโพธิ์
 ง. ต้นจิก
 
 ๔. พระพุทธเจ้า ทรงพิจารณาเปรียบสัตว์โลกกับดอกไม้ชนิดใด ?
 ก. ดอกจำปี
 ข. ดอกจำปา
 ค. ดอกหว้า
 ง. ดอกบัว

 ๕. ท้าวสหัมบดีพรหม ทูลอาราธนาให้พระพุทธเจ้าทำสิ่งใด ?
 ก. สั่งสอนธรรม
 
ข. รับบิณฑบาต
 ค. เดินจงกรม
 ง. นั่งสมาธิ
 
 ๖. ดอกบัวที่ทรงยกมาเปรียบเทียบ ในพระบาลีปรากฏมีกี่ชนิด ?
 ก. ๑ ชนิด
 ข. ๒ ชนิด
 ค. ๓ ชนิด
 ง. ๔ ชนิด
 

 ๗. บุคคลผูู้มีปัญญาเฉียบแหลม ตรงกับข้อใด ?
 ก. อุคฆฏิตัญญูู
 
ข. วิปจิตัญญูู
 ค. เนยยะ
 ง. ปทปรมะ
 
 ๘. บุคคลในข้อใด เปรียบด้วยบัวเสมอน้ำ ?
 ก. อุคฆ์ฏิตัญญูู
 ข. วิปัจิตัญญูู
 ค. เนยยะ
 ง. ปทปรมะ
 
 ๙. บุคคลผูู้อับปัญญา เปรียบด้วยบัวชนิดใด ?
 ก. บัวพ้นน้ำ
 ข. บัวเสมอน้ำ
 ค. บัวจมน้ำ
 ง. บัวใต้น้ำ
 
 
๑๐. พระพุทธเจ้าเสด็จไปป่าอิสิปตนมฤคทายวัน เพื่อโปรดชนกลุ่มใด ?
 ก. ปัญจวัคคีย์
 
ข. ภัททวัคคีย์
 
ค. สหายพระยสะ
 ง. ชฎิล ๓ พี่น้อง
 
 ๑๑. อุปกาชีวกหลังสนทนากับพระพุทธเจ้าแล้ว ได้แสดงอาการอย่างไร ?
ก. หัวเราะ
 ข. ร้องไห้
 ค. สั่นศีรษะ
 
ง. ปรบมือ
 
 ๑๒. ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน ตั้งอยู่ในเมืองใด ?
 ก. สาวัตถี
 ข. พาราณสี
 ค. ราชคฤห์
 ง. กบิลพัสดุ์
 
 ๑๓. ปัญจวัคคีย์หนีจากพระสมณโคดมไป เพราะเห็นว่าเลิกบำเพ็ญเรื่องใด ?ก.พุทธัตถจริยา
 ข. โลกัตถจริยา
 ค. ญาตัตถจิริยา
 ง. ทุกรกิริยา
 

 ๑๔. “เราได้ตรัสรู้พระสัมมาสัมโพธิญาณแล้ว” พระพุทธเจ้าตรัสแกใคร ?
 ก. ปัญจวัคคีย์
 
ข. อุปกาซีวก
 ค. ยสกุลบุตร
 ง. ชฎิล ๓ พี่น้อง
 
 ๑๕. ทางสุดโต่งที่บรรพชิตไม่ควรยึดถือปฏิบัติ มีกี่อย่าง ?
 ก. ๑ อย่าง
 ข. ๒ อย่าง
 
ค. ๓ อย่าง
 ง. ๔ อย่าง
 
 ๑๖. มัชฌิมาปฏิปทา หมายถึงคำตอบในข้อใด ?
 ก. ทางสายกลาง
 ข. ทางสามแยก
 ค. ทางสี่แยก
 ง. ทางวันเวย์
 
 ๑๗. ผู้ใด ได้ดวงตาเห็นธรรมเป็นคนแรกในขณะฟ้งปฐมเทศนา ?
 ก. โกณฑัญญะ
 ข. วัปปะ
 ค. ภัททิยะ
 ง. มหานามะ
 
 ๑๘. ผู้ใด ได้บวชเป็นพระภิกษุรูปแรกในพระพุทธศาสนา ?
 ก. โกณฑัญญะ
 
ข. วัปปะ
 ค. ภัททิยะ
 ง. อัสสซิ
 
 ๑๙. คำว่า อัญญา เป็นคำนำหน้าของใคร ?
 ก. อาราหดาบส
 ข. อุททกดาบส
 ค. โกณฑัญญะ
 ง. อัสสซิ
 
 ๒๐. ภิกษุปัญจวัคคีย์ฟังอนัตตลักขณสูตรจบแล้ว ได้บรรลุผลใด ?
 ก. โสดาปัตติผล
 ข.สกทาคามิผล
 ค. อนาคามิผล
 ง. อรหัตตผล
 
 
๒๑. กุลบุตรใด ได้พบพระพุทธเจ้าที่ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน ?
 ก. ยสะ
 
ข. สารีบุตร
 
ค. โมคคัลลานะ
 ง. กัสสปะ
 
 ๒๒. บริวารที่นอนหลับใหลไม่ได้สติ ปรากฏแก่ยสกุลบุตรเหมือนสิ่งใด ?
 ก. นางฟ้า
 ข. ซากศพ
 
ค. คนป่วย
 ง. คนบ้า
 
 ๒๓. “ที่นี่ไม่วุ่นวาย ที่นี่ไม่ขัดข้อง” พระพุทธเจ้าตรัสกับใคร ?
 ก. อุปกาชีวก
 ข. โกณฑัญญะ
 ค. อัสสชิ
 ง. ยสกุลบุตร
 
 
๒๔. ธรรมกถาใด ที่พระพุทธเจ้าแสดงแก่ยสกุลบุตร ?
 ก. อนุปุพพีกถา
 
ข. กถาวัตถุ
 
ค. มงคลกถา
 ง. เมตตากถา
 
 ๒๕. สหายที่ออกบวชตามพระยสะ มีกี่คน ?
 
ก. ๕๐ คน
 ข. ๕๒ คน
 ค. ๕๔ คน
 
ง. ๕๖ คน

๒๖. ชนเหล่าใด อาศัยอยู่ที่ตำบลอุรุเวลาเสนานิคม ?
 
ก. ปัญจวัคคีย์
 ข. ยสะและสหาย
 
ค. ภัททวัคคีย์
 ง. ชฎิล ๓ พี่น้อง
 
 
๒๗. ตำบลอุรุเวลาเสนานิคม ตั้งอยู่ในเขตเมืองใด ?
 ก. ราชคฤห์
 
ข. สาวัตถี
 
ค. พาราณสี
 ง. ไพสาลี
 
  ๒๘. ชฎิลท่านใด มีบริวารมากที่สุด ?
 ก. อุรุเวลกัสสปะ
 
ข. นทีกัสสปะ
 
ค. คยากัสสปะ
 ง. ถูกทุกข้อ
 
 
๒๙. ชฎิล ๓ พี่น้อง ตั้งอาศรมอยู่ใกล้ฝั่งแม่น้ำใด ?
 ก. คงคา
 ข. ยมุนา
 
ค. สรภู
 ง. เนรัญชรา
 
 
๓๐. ชฎิล ๓ พี่น้อง นับถือลัทธิบูชาสิ่งใด ?
 
ก. ดิน
 ข. น้ำ
 ค. ไฟ
 
ง. ลม
 
 
๓๑. อุรุเวลกัสสปชฎิล มีบริวารกี่คน ?
 
ก. ๔๐๐
 ข. ๕๐๐
 
ค. ๖๐๐
 ง. ๗๐๐
 
 
๓๒. ชนกลุ่มใด ลอยบริขารและเครื่องบูชาไฟไปในแม่น้ำ ?
 ก. ปัญจวัคคีย์
 ข. สหายพระยสะ
 
ค. ภัททวัคคีย์
 ง. ชฎิิล ๓ พี่น้อง
 
 
๓๓. ภิกษุ ๑,๐๐๓ รูป บรรลุพระอรหันต์เพราะฟังพระสูตรใด ?
 ก. อนัตตลักขณสูตร
 ข. อาทิตตปริยายสูตร
 
ค. มงคลสูตร
 ง. รตนสูตร
 
 ๓๔. กรุงราชคฤห์ เป็นเมืองหลวงของแคว้นใด ?
 ก. แคว้นมคธ
 
ข. แคว้นโกศล
 
ค. แคว้นกาสี
 ง. แคว้นวัชชี
 
 ๓๕. พระเจ้าพิมพิสาร ทรงปกครองแคว้นใด ?
 ก. แคว้นมคธ
 
ข. แคว้นโกศล
 
ค. แคว้นกาสี
 ง. แคว้นอวันตี
 
 ๓๖. เมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จถึงเมืองราชคฤห์ ทรงประทับอยู่ ณ ที่ใด ?
 ก. เชตะวัน
 ข. ลัฏฐิวัน
 ค. อัมพวัน
 ง. สาลวัน
 
 ๓๗. หลังฟังธรรมเทศนาจบ พระเจ้าพิมพิสารได้เป็นพระอริยบุคคลชั้นใด ?
 ก. พระโสดาบัน
 
ข. พระสกทาคามี
 ค. พระอนาคามี
 ง. พระอรหันต์
 
 ๓๘. พระเจ้าพิมพิสาร ได้ตั้งความปรารถนาไว้กี่ประการ ?
 ก. ๒ ประการ
 ข. ๓ ประการ
 ค. ๔ ประการ
 ง. ๕ ประการ
 
 
๓๙. พระราชอุทยานใด ที่พระเจ้าพิมพิสารถวายให้สร้างเป็นวัด ?
 ก. เชตวัน
 ข. เวฬุวัน
 
ค. ลัฏฐิวัน
 ง. สาลวัน
 
 ๔๐. กษัตริย์พระองค์ใด เป็นผูู้อุปถัมภ์การเผยแผ่ธรรมในเมืองราชคฤห์ ?
 ก. พิมพิสาร
 
ข. สุทโธทนะ
 ค. ปเสนทิโกศล
 ง. อุเทน
 
 ๔๑. อุปติสสมาณพ เกิดในตระกูลใด ?
 ก. กษัตริย์
 ข. พราหมณ์
 ค. แพศย์
 ง. ศูทร
 
 ๔๒. อุปติสสมาณพ เกิดในหมู่บ้านใด ?
 ก. ถูนคาม
 ข. ปัจจันตคาม
 ค. โกลิตคาม
 ง. อุปติสสคาม
 
 
๔๓. นางสารีพราหมณ์ เป็นมารดาของใคร ?
 ก. อุปัติสสมาณพ
 
ข. โกลิตมาณพ
 
ค. นันทมาณพ
 ง. สิงคาลกมาณพ
 
 ๔๔. โกลิตมาณพ มีเพื่อนสนิทชื่อว่าอะไร ?
 ก. อุปติสสมาณพ
 
ข. ปิงคิยมาณพ
 
ค. นันทมาณพ
 ง. สิงคาลกมาณพ
 
 
๔๕. โกลิตมาณพ เป็นบุตรของใคร ?
 
ก. นางสุชาดา
 ข. นางโมคคัลลี
 
ค. นางสารี
 ง. นางวิสาขา
 
 ๔๖. อุปติสสะและโกลิตะ ดูมหรสพแล้วเกิดความรู้สึกอย่างไร ?
 ก. สนุกสนาน
 ข. ไม่รู้สึกอะไร
 ค. ผ่อนคลาย
 ง. เบื่อหน่าย

 ๔๗. อุปติสสปริพาชก ได้ฟังธรรมจากพระเถระองค์ใด ?
 ก. พระอัสสชิ
 
ข. พระยสะ
 
ค. พระนทีกัสสปะ
 ง. พระคยากัสสปะ
 
 ๔๘. อุปติสสปริพาชกฟังธรรมจากพระอัสสชิแล้ว ได้กลับมาบอกแก่ใคร ?
 ก. โกลิตะ
 
ข. ปิปผลิ
 ค. นันทะ
 ง. สิงคาลกะ
 
 ๔๙. พระเถระองค์ใด เป็นพระอัครสาวกเบื้องซ้าย ?
 ก. พระยสะ
 ข. พระนทีกัสสปะ
 ค. พระสารีบุตร
 ง. พระโมคคัลลานะ
 
 
๕๐. พระเถระองค์ใด เป็นพระอัครสาวกเบื้องขวา ?
 
ก. พระยสะ
 ข. พระนทีกัสสปะ
 ค. พระสารีบุตร
 
ง. พระโมคคัลลานะ

ให้เวลา ๕๐ นาที


ธรรมศึกษา ชั้นโท

ปัญหาและเฉลย วิชา อุโบสถศีล (วินัย)

ระดับประถมศึกษา

สอบในสนามหลวง พ.ศ. ๒๕๖๖

๑. ข้อใด เป็นวิธียกระดับจิตใจของมนุษย์ให้สูงขึ้นกว่าการถือศีล ๕ ?
 ก. ถือศีล ๘
 
ข. สวดมนต์
 ค. ฟังเทศน์
 ง. ตักบาตร
 
 ๒. อุโบสถศีล มีความหมายตรงกับข้อใด ?
 ก. ถือศีล ๕
 ข. ถือศีล ๘
 
ค. ถือสรณะ
 ง. ถือฤกษ์ยาม
 
 
๓. อุโบสถศีล บัญญัติขึ้นเพื่อฝึกตนไม่ให้มัวเมาในสิ่งใดมากเกินไป ?
 ก. วัตถุสิ่งของ
 ข. การกิน
 
ค. การนั่งนอน
 ง. ถูกทุกข้อ
 
 
๔. การรักษาอุโบสถศีล เป็นวิธีปฏิบัติของใคร ?
 ก. อุบาสกอุบาสิกา
 
ข. ภิกษุ
 ค. ภิกษุณี
 ง. สามเณร
 
 ๕. ข้อใด เป็นการรักษาอุโบสถก่อนพุทธกาล ?
 ก. รักษาศีล ๘
 ข. รับสรณคมน์
 ค. อดอาหาร
 
ง. ถูกทุกข้อ
 
 ๖. พระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ รวมกันเรียกว่าอะไร ?
 ก. พระไตรรัตน์
 
ข. พระไตรปิฎก
 ค. สรณคมน์
 ง. พระอริยสงฆ์
 
 ๗. การนับถือพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง ตรงกับคำใด ?
 ก. อุโบสถ
 ข. สิกขา
 ค. สรณคมน์
 
ง. พระพุทธเจ้า
 
 ๘. ข้อใด เป็นวิธีการเข้าถึงไตรสรณคมน์ ?
 ก. ไหว้ครู
 ข. บูชายัญ
 ค. เป็นพุทธมามกะ
 
ง. นับถือผู้
 
 ๙. การขาดสรณคมน์ ย่อมไม่เกิดขึ้นในบุคคลใด ?
 ก. พระอริยบุคคล
 
ข. อุบาสก
 ค. อุบาสิกา
 ง. บุคคลทั่วไป
 
 ๑๐. สรณคมน์ของบุคคลผูู้ติเตียนพระรัตนตรัยเป็นอย่างไร ?
 ก. เสื่อมสภาพ
 ข. พ้นสภาพ
 ค. ขาด
 ง. เศร้าหมอง
 

 ๑๑. ข้อใด ไม่ใช่สาเหตุทำให้สรณคมน์ขาดหรือเศร้าหมอง ?
 ก. ตาย
 ข. เปลี่ยนศาสนา
 ค. ลบหลู่เจ้าที่
 
ง. ดูหมิ่นพระสงฆ์
 
 ๑๒. ข้อใด เป็นสาเหตุให้สรณคมน์ของทุกคนขาด ?
 ก. ความชรา
 ข. ความยากจน
 ค. ความเจ็บป่วย
 ง. ความตาย

 ๑๓. ข้อใด เป็นวัตถุประสงค์ในการถึงพระรัตนตรัยเป็นสรณะ ?
 ก. อยู่ใกล้ชิด
 ข. ขอโชคลาภ
 ค. แก้กรรม
 ง. ที่พึ่งทางใจ
 

 ๑๔. ผูู้ตรัสรู้ธรรมด้วยตนเองแล้ว แนะนำผูู้อื่นให้รู้ตาม คือรัตนะใด ?
 ก. พระพุทธ
 
ข. พระธรรม
 ค. พระสงฆ์
 ง. ถูกทุกข้อ
 
 ๑๕. ข้อใด เป็นพระคุณของพระพุทธเจ้า ?
 ก. ปัญญาคุณ
 ข. บริสุทธิ์คุณ
 ค. กรุณาคุณ
 ง. ถูกทุกข้อ
 
 ๑๖. รักษาผูู้ปฏิบัติไม่ให้ตกไปสู่ที่ชั่ว คือรัตนะใด ?
 ก. พระพุทธ
 ข. พระธรรม
 ค. พระสงฆ์
 ง. ถูกทุกข้อ
 
 ๑๗. ทุคติหรืออบายภูมิเป็นที่เกิดของคนทำความชั่ว ได้แก่ข้อใด ?
 ก. เปรต
 
ข. มนุษย์
 ค. เทวดา
 ง. พรหม
 
 ๑๘. คำใด เป็นคุณของพระสงฆ์ ?
 ก. พุทโธ
 ข. โลกวิทู
 ค. อนุตตโร
 ง. อุชุปฏิปันโน
 
 ๑๙. ใครประกาศคำสอนของพระพุทธเจ้าให้ชาวพุทธัรู้จักบาปบุญ ?
 ก. พระสงฆ์
 
ข. พ่อแม่
 ค. ครู
 ง. เพื่อน
 
 ๒๐. พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติอุโบสถศีลไว้กี่ข้อ ?
 ก. ๕ ข้อ
 ข. ๘ ข้อ
 ค. ๑๐ ข้อ
 ง. ๒๒๗ ข้อ
 
 ๒๑. อุโบสถศีลข้อที่ ๑ ผูู้รักษาต้องงดเว้นเรื่องใด ?
 ก. ฆ่าสัตว์
 
ข. ลักทรัพย์
 ค. เสพกาม
 ง. พูดเท็จ
 
 ๒๒. ผูู้รักษาอุโบสถศีลข้อที่ ๑ ห้ามทำผิดเรื่องใด ?
 ก. ยิงนก
 ข. ตกปลา
 ค. จับแมลง
 ง. ถูกทุกข้อ
 
 
๒๓. อุโบสถศีลข้อที่ ๒ ผูู้รักษาต้องงดเว้นเรื่องใด ?
 
ก. ฆ่าสัตว์
 ข. ลักทรัพย์
 
ค. พูดเท็จ
 ง. ดื่มน้ำเมา
  
 
๒๔. ผูู้รักษาอุโบสถศีลข้อที่ ๒ ห้ามทำผิดเรื่องใด ?
 ก. ลักขโมย
 
ข. หนีเรียน
 
ค. พนันบอล
 ง. เล่นเกมส์
 
 ๒๕. อุโบสถศีลข้อที่ ๓ ผูู้รักษาต้องงดเว้นเรื่องใด ?
 
ก. เล่นกีฬา
 ข. เสพกาม
 
ค. ขาดเรียน
 ง. ลาป่วย

๒๖. อุโบสถศีลข้อที่ ๔ ผูู้รักษาต้องงดทำเรื่องใด ?
 
ก. เล่นเกมส์
 ข. พูดโกหก
 
ค. ส่งเสียงดัง
 ง. แข่งรถ
 
 ๒๗. อุโบสถศีลข้อที่ ๔ ผูู้รักษาควรสำรวมระวังเรื่องใด ?
 ก. การพูด
 
ข. การกิน
 
ค. การนอน
 ง. การแต่งตัว
 
 ๒๘. อุโบสถศีลข้อที่ ๕ ผูู้รักษาควรมีสติระมัดระวังเรื่องใด ?
 
ก. สุรา
 ข. กัญชา
 
ค. ยาบ้า
 ง. ถูกทุกข้อ
 
 
๒๙. เครื่องดื่มชนิดใด เป็นข้อห้ามของอุโบสถศีลข้อที่ ๕ ?
 ก. น้ำเมา
 
ข. น้ำผึ้ง
 
ค. น้ำชา
 ง. กาแฟ
 
 
๓๐. อุโบสถศีลข้อที่ ๖ ผูู้รักษาต้องงดรับประทานอาหารมื้อใด ?
 ก. มื้อเช้า
 ข. มื้อเพล
 ค. มื้อเย็น
 
ง. ถูกทุกข้อ
 
 
๓๑. เครื่องดื่มประเภทใด สามารถดื่มในขณะรักษาอุโบสถศีลได้ ?
 ก. เบียร์
 ข. น้ำผลไม้
 
ค. น้ำกัญชา
 ง. น้ำกระท่อม
 
 ๓๒. หลังเที่ยงวันไปจนถึงเช้าของวันใหม่ เรียกว่าอะไร ?ก. วินาที
 ข. วิกาล
 ค. นาที
 ง. ชั่วโมง
 
 ๓๓. อุโบสถศีลข้อที่ ๗ ผูู้รักษาต้องไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องใด ?
 ก. อบายมุข
 ข. กินมื้อเย็น
 ค. เสพกาม
 ง. เสริมสวย
 

 ๓๔. อะไรเป็นข้อห้ามของอุโบสถศีลข้อที่ ๗ ?
 ก. ร้องเพลง
 
ข. สวดสรภัญญะ
 ค. แกล้งเพื่อน
 ง. ขโมยของ
 
 ๓๕. อุโบสถศีลข้อใด ผูู้รักษาต้องงดแต่งหน้าทาปากเขียนคิ้ว ?
 ก. ข้อที่ ๑
 ข. ข้อที่ ๕
 ค. ข้อที่ ๗
 
ง. ข้อที่ ๘
 
 ๓๖. อุโบสถศีลข้อใด อนุญาตให้ทาแป้งเพื่อรักษาโรคผิวหนังได้ ?
 ก. ข้อที่ ๔
 ข. ข้อที่ ๖
 ค. ข้อที่ ๗
 
ง. ข้อที่ ๘
 
 ๓๗. ที่นอนสูงใหญ่ เป็นสิ่งต้องห้ามของอุโบสถศีลข้อใด ?
 ก. ข้อที่ ๓
 ข. ข้อที่ ๕
 ค. ข้อที่ ๗
 ง. ข้อที่ ๘
 

 ๓๘. อุโบสถศีลข้อที่ ๘ บัญญัติไว้เกี่ยวกับเรื่องใด ?
 ก. การนั่งนอน
 
ข. การกิน
 ค. การเล่นกีฬา
 ง. การเข้าค่าย
 
 ๓๙. การรักษาอุโบสถ กำหนดให้สมาทานศีลในเวลาใด ?
 ก. เช้าตรู่
 
ข. บ่าย
 ค. เย็น
 ง. กลางคืน
 
 ๔๐. ขณะรักษาอุโบสถศีล ควรทำเรื่องใด ?
 ก. งดทำบุญ
 ข. งดทำบาป
 ค. งดฟังเทศน์
 ง. งดสวดมนต์
 
 ๔๑. ขณะรักษาอุโบสถศีล ไม่ควรทำเรื่องใด ?
 ก. ไหว้พระ
 ข. สวดมนต์
 ค. ฆ่ายุง
 
ง. ฟังเทศน์
 
 ๔๒. การรักษาอุโบสถ ปัจจุบันนิยมรักษากันในสถานที่ใด ?
 ก. บ้าน
 ข. วัด
 
ค. โรงเรียน
 ง. ป่าช้า
 
 ๔๓. ข้อใด อยู่ในพิธีรักษาอุโบสถศีล ?
 
ก. ตักบาตร
 ข. ปล่อยปลา
 ค. บูชาพระรัตนตรัย
 
ง. กวาดบ้าน
 
 ๔๔. ปกติอุโบสถ นิยมสมาทานรักษาในวันใด ?
 
ก. วันโกน
 ข. วันพระ
 
ค. วันเสาร์
 ง. วันอาทิตย์
 

 ๔๕. ปฏิชาครอุโบสถ กำหนดให้รักษาคราวละกี่วัน ?
 ก. ๑ วัน
 ข. ๒ วัน
 ค. ๓ วัน
 
ง. ๔ วัน
 
 ๔๖. ปาฏิหาริยอุโบสถ กำหนดให้รักษานานที่สุดกี่เดือน ?
 ก. ๔ เดือน
 
ข. ๓ เดือน
 ค. ๒ เดือน
 ง. ๑ เดือน
 
 ๔๗. โคปาลกอุโบสถ เปรียบคนรักษาเหมือนคนเลี้ยงสัตว์ประเภทใด ?
 ก. ช้าง
 ข. ม้า
 ค. โค
 
ง. เสือ
 
 ๔๘. อุโบสถใด ผูู้รักษาปฏิบัติตนเหมือนนักบวชนอกพระพุทธศาสนา ?
 ก. ปกติอุโบสถ
 ข. นิคคัณฐอุโบสถ
 
ค. อริยอุโบสถ
 ง. ถูกทุกข้อ
 
 
๔๙. อุโบสถประเภทใด ผูู้สมาทานรักษาได้รับอานิสงส์มากที่สุด ?
 ก. โคปาลกอุโบสถ
 ข. นิคคัณฐอุโบสถ
 ค. อริยอุโบสถ
 
ง. ถูกทุกข้อ
 
 ๕๐. การถืออุโบสถศีลจะได้รับผู้ลมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับอะไร ?
 ก. ตั้งใจเรียน
 ข. ตั้งใจรักษา
 
ค. เชื่อฟังครู
 ง. ขยันอ่านหนังสือ

ให้เวลา ๕๐ นาที